วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ไทยว่าไง ! เกาหลีใต้ใช้เน็ตที่เร็วกว่า 4G

เกาหลีใต้เดินหน้าพัฒนาโครงข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่มีคุณภาพเหนือกว่า 4G LTE ถึง 2 เท่า และเร็วกว่า 3G ถึง 10 เท่า


เกาหลีใต้นับเป็นประเทศในแถบเอเชียที่มีอัตราการเติบโตในด้านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และโครงข่ายอินเตอร์เน็ตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัท SK Telecom ของเกาหลีใต้ ได้เปิดบริการอินเตอร์ไร้สายความเร็วสูงที่เร็วที่สุดในโลก เรียกว่า "LTE-Advance Network" ที่ให้ความเร็วมากกว่า 4G ปกติถึง 2 เท่า และยังเหนือกว่า 3G 10 เท่า  คุณสมบัติของ LTE-Advance Network ช่วยในการถ่ายโอนข้อมูล 150 เมกะบิตต่อวินาที, สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ขนาด 800 เมกะไบต์ได้ในเวลา 43 วินาที เร็วกว่าเดิมจาก 4G LTE ปกติที่กินเวลาไป 80 วินาที นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้บริการอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงใหม่นี้ สามารถรับชมวีดีโอในระบบ HD 1080p ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม รวมถึงเล่นวีดีโอแชทที่ให้ภาพและเสียงได้ดียิ่งขึ้น


นับเป็นการเติบโตทางด้านอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่รวดเร็วมาก ซึ่งในปัจจุบัน ประชากรในเกาหลีใต้ร้อยละ 60 หรือผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 33 ล้านคน เลือกสมัครบริการ LTE และส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ออกผลิตภัณฑ์ Samsung Galaxy S4 LTE เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการใช้งานบน LTE-Advance Network ด้วย แต่ในขณะนี้ยังใช้ได้เฉพาะในกรุงโซลเท่านั้น ซึ่งบริษัท SK Telecom ก็ตั้งเป้าขยายบริการนี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในเร็วๆ นี้

ที่มา: ARiP

Google Earth ใหม่บน Android & iOS

วันนี้ ! Google เปิดให้ผู้ใช้ iOS และ Android ได้อัพเดต Google Earth เป็นเวอร์ชั่น 7.1 พร้อมปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ และเพิ่มเติมคุณสมบัติอื่นๆ ให้น่าใช้ยิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดรุ่นใหม่ได้แล้วที่ App Store และ Google Play



Google Earth 7.1 สำหรับการใช้งานบนมือถือที่เป็น Android และ iOS ได้เพิ่มฟีเจอร์ Street View สำหรับการสำรวจเส้นทางในมุมมองระดับถนน, ปรับปรุงอินเตอร์เฟซให้สามารถเรียกหาเมนูได้ทางซ้ายของหน้าจอ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ อาทิ ภาพจาก Panoramio และวิกิพีเดีย เป็นต้น ส่วนที่สาม ปรับปรุงเรื่องเส้นทางหรือทิศทางในการเดินรถ, การขับจักรยาน และการขนส่งอื่นๆ ในรูปแบบ 3D ให้ผู้ใช้สามารถเรียกดู ค้นหาได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยฟีเจอร์ใหม่ทั้งสามอย่าง จะให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้ใช้ iOS และ Android ดาวน์โหลดหรืออัพเกรดไปใช้งานได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ที่ App Store และ Google Play

ที่มา: ARiP

Volvo โชว์เหนือสั่งรถหาที่จอดเอง

Volvo บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังนำเสนอเทคโนโลยีต้นแบบ สามารถสั่งการให้รถยนต์ของคุณขับไปหาที่จอดเองพร้อมขับมายังจุดที่คุณอยู่ได้โดยอัตโนมัติ ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมกับรถยนต์ Volvo


เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับกำลังเป็นเป้าหมายของหลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รวมถึง Google ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่ง Volvo หนึ่งในบริษัทชั้นนำก็ได้นำเสนอเทคโนโลยีต้นแบบ ที่มีเซนเซอร์ชนิดพิเศษฝังอยู่ในตัวรถ พร้อมเชื่อมการทำงานกับแอพพลิเคชั่นเฉพาะบนสมาร์ทโฟน สามารถสั่งการให้รถยนต์ Volvo ขับไปหาที่จอดรถเองตามจุดที่มีเซนเซอร์ที่ถูกฝังอยู่บนถนนเรียกว่า “Vehicle 2 Infrastructure” ได้แบบไม่ต้องใช้คนขับแต่อย่างใด นอกจากการหาที่จอดอัตโนมัติแล้ว เทคโนโลยีของ Volvo ยังสามารถสั่งการให้ขับออกจากที่จอดรถเพื่อมารับคุณ ณ ตำแหน่งที่่อยู่ตอนนั้นได้ แถมยังมีเทคโนโลยีเบรคอัตโนมัติสำหรับหลบสิ่งกีดขวางไม่ว่าจะเป็นคนเดินข้ามถนน หรือรถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้


โดย Thomas Broberg ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความปลอดภัยของ  Volvo กล่าวว่า แนวคิดของระบบจอดรถอัตโนมัตินี้ เพื่อเป็นการลดเวลาในการหาที่จอดรถ ซึ่งจุดมุ่งหมายต่อไปของ Volvo คือ การพัฒนาระบบให้มีความสมบูรณ์และปลอดภัยสูงสุดก่อนเปิดตัวรถยนต์ The All-New Volvo XC90 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีดังกล่าวในปลายปี 2014

ปล. ดูวิดีโอสาธิตได้จากที่มานะครับ ^_^
 
ที่มา: ARiP

Sony SmartWatch 2 ของดี น่าสะสม

ในวันเดียวกับการเปิดตัว Xperia Z Ultra สมาร์ทโฟนจอ 6.44 นิ้ว Sony จัดการเป็นตัว Sony SmartWatch 2 นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ ที่มาพร้อมคุมสมบัติควบคุมสมาร์ทโฟน Android ได้


Sony SmartWatch ในเจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 1.6 นิ้ว ความละเอียด 220 x 176 พิกเซล อินเตอร์เฟซบนหน้าจอถูกออกแบบให้คล้ายระบบปฏิบัติการ Android ใช้มาตรฐาน IP57 สำหรับกันน้ำ แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 3-6 วันตามการใช้งาน ใช้สาย microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ รองรับการเชื่อมต่อกับ NFC/Bluetooth ตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียม สายรัดข้อมือมีขนาด 24 มิลลิเมตร คุณสมบัติเด่นของนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะรุ่นที่ 2 นี้ สามารถควบคุมฟีเจอร์บนสมาร์ทโฟน Android 4.0 ขึ้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นจัดการสายเรียกเข้า, สั่งถ่ายภาพระยะไกลผ่านแอพ Smart Camera, ควบคุมการนำเสนอผลงานด้วย Presentation Pal, สามารถตรวจสอบเส้นทางในขณะวิ่ง หรือขี่จักรยานได้ด้วยแอพ Mapping, สามารถอ่านอีเมล์ที่ดาวน์โหลดมาได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน, สามารถควบคุมการเล่นเพลงได้โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนจากกระเป๋าของคุณ และเชื่อมต่อกับแอพออกกำลังกายได้อีกด้วย

สำหรับการวางขาย Sony ได้กำหนดให้ Sony SmartWatch 2 ออกสู่ตลาดในเดือนกันยายนนี้ ส่วนเรื่องราคาคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง สำหรับใครที่ชื่นชอบแก็ดเจ็ตเล็กๆ กะทัดรัดแบบนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ที่มา: ARiP

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ครบรอบ 1 ปี World IPv6 Launch มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง


เมื่อวันนี้ของปีที่แล้วได้มีการเปิดการใช้งาน IPv6 โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ ของโลกในวัน World IPv6 Launch ที่ได้รับความร่วมมือจากยักษ์ใหญ่บนโลกอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก วันนี้เวียนมาครบรอบ 1 ปีแล้ว ทาง World IPv6 Launch จึงได้จัดทำ Infographic แสดงความคืบหน้าของการติดตั้งและใช้งาน IPv6 ทั่วโลกออกมาครับ โดยมีสรุปดังนี้
  • ตลอดปีที่ผ่านมา RIPE ที่เป็นหน่วยงานจัดสรรหมายเลข IP ของทวีปยุโรปได้แจกจ่าย IPv4 ไปจนถึง block สุดท้ายแล้วเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่าสำหรับ ARIN และ LACNIC ของทวีปอเมริกา จะจัดสรรหมายเลข IP หมดภายในปีหน้า ส่วน AFRINIC ของทวีปแอฟริกาที่มีการใช้งานค่อนข้างน้อย จะจัดสรร IPv4 หมดในปี 2020
  • สำหรับการใช้งาน IPv6 ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 210% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะนี้คิดเป็นประมาณ 1.35% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และคาดว่าภายในอีก 3 ปีจะมีการใช้งานเกิน 10%
  • ขณะนี้มีผู้ให้บริการเครือข่าย 107 รายทั่วโลกที่ให้บริการ IPv6 แก่ผู้ใช้งานตามบ้าน รวมกับอีก 21,500 เว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ ทำให้มีการใช้งานเว็บเหล่านี้ผ่าน IPv6 ประมาณหนึ่งแสนครั้งต่อวินาทีแล้ว
  • ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นภูมิภาคที่ ISP ประกาศ IPv6 ออกมามากที่สุด ประมาณ 19.72% ตามมาด้วยยุโรปและตะวันออกกลางที่ 17.99%
นอกจากนี้สำหรับความคืบหน้าของการใช้งาน IPv6 ในประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบแผนปฏิบัติการของกระทรวงไอซีที ในการวางระบบโครงข่ายของหน่วยงานภาครัฐระดับกรมขึ้นไป ให้รองรับ IPv6 ได้ภายในเดือนธันวาคม ปี 2558 และกระตุ้นให้หน่วยงานภาคเอกชน เปิดให้ผู้ใช้บริการเชื่อมต่อและใช้งาน IPv6 ได้ภายในเดือนธันวาคม ปี 2557 นี้ครับ

ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พบอุโมงค์ที่ทำให้ "มือถือ" ย้อนเวลาได้

สำนักข่าวจีนได้รายงานข่าวว่า พบอุโมงค์แห่งหนึ่งในประเทศจีน ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นขนานนามว่าเป็น "อุโมงค์ย้อนเวลา" ซึ่งเมื่อใดที่คุณลอดผ่านอุโมงค์ดังกล่าว จะทำให้โทรศัพท์มือถือถูกย้อนเวลาไป 1 ชั่วโมง


อุโมงค์ดังกล่าวชื่อว่า "ซุนยี่" ในตอนเหนือของมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เป็นอุโมงค์ยาวประมาณ 400 เมตร ถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านา ถูกค้นพบว่าเมื่อใดที่ขับรถเข้าไปในอุโมงค์ซุนยี่ เวลาบนโทรศัพท์มือถือจะย้อนเวลาไป 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากจนชาวบ้านในแถบนั้นให้ฉายาว่าเป็น "อุโมงค์ย้อนเวลา" จากข่าวที่แพร่สะพัดออกไปทำให้มีผู้ที่ทดลองนำโทรศัพท์มือถือ 10 เครื่องเข้าไปในอุโมงค์ซุนยี่ ปรากฎว่าโทรศัพท์มือถือถึง 8 เครื่องย้อนเวลากลับไป 1 ชั่วโมง ส่วนอีก 2 เครื่องยังเป็นปกติ

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีการสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากพลังสนามแม่เหล็กในบริเวณนั้นจนเกิดปฏิกิริยากับโทรศัพท์มือถือ แต่ในอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งก็ระบุว่า ภายในอุโมงค์เป็นที่อับสัญญาณ จนสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงได้ และทำให้รบกวนกับระบบตั้งค่าบนโทรศัพท์มือถือได้

ที่มา: ARiP

OMGPOP ผู้สร้างเกม Draw Something ถูกปิดสตูดิโอหลัง Zynga เลิกจ้าง

จากข่าว Zynga ปลดพนักงานออกอีก 18% เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรเน้นเกมมือถือมากขึ้น มีข้อมูลตามมาอีกว่าในจำนวนพนักงาน 520 คนที่ถูกปลด มีพนักงานของบริษัท OMGPOP ที่เคยมีผลงานเกม Draw Something อันโด่งดังด้วย

Zynga ไม่ได้เจาะจงถึง OMGPOP เป็นพิเศษ แต่ทวิตเตอร์ @OMGPOP ก็ทวีตข้อความอวยพรให้กับพนักงานจำนวนมากของบริษัท ที่ทำงานเป็นวันสุดท้าย ส่วนพนักงานคนหนึ่งก็ทวีตว่า เพิ่งทราบจากข้อความใน Facebook ว่าตกงานแล้ว และให้ข้อมูลว่าสำนักงานของ OMGPOP ก็ถูกปิดแล้วด้วย

Zynga ซื้อ OMGPOP เมื่อเดือนสิงหาคม 2012 โดยไม่เปิดเผยมูลค่า (ว่ากันว่า 210 ล้านดอลลาร์) ผ่านมาปีกว่าก็ต้องโละทิ้งยกชุดเสียแล้ว

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

IE10 มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า IE6 และ IE7 รวมกันแล้ว, Firefox เพิ่มขึ้น, Chrome ลดลง

สถิติจาก Net Applications ครั้งใหม่นี้ หลังจากที่ IE10 เปิดตัวบน Windows 7 ตามด้วย Firefox 21 และ Chrome 27 โดยสถิติในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นดังนี้
  • IE มีส่วนแบ่ง 55.99% เพิ่มขึ้น 0.18%
  • Firefox มีส่วนแบ่ง 20.63% เพิ่มขึ้น 0.33%
  • Chrome มีส่วนแบ่ง 15.74% ลดลง 0.61%
  • Safari มีส่วนแบ่ง 5.46% เพิ่มขึ้น 0.08%
  • Opera มีส่วนแบ่ง 1.77% เพิ่มขึ้น 0.04%
หากดูสถิติเฉพาะ IE อย่างเดียว พบว่า IE เติบโตช้าลง เมื่อเดือนมกราคม เป็นครั้งแรกที่ IE กลับมาครองส่วนแบ่งเกิน 55% ได้อีกครั้ง ซึ่งสถิติในเวลาต่อมาก็แสดงให้เห็นว่า IE ไม่น่ามีส่วนแบ่งตลาดลดต่ำกว่า 55% ได้ง่ายๆ และ IE10 ได้ส่วนแบ่งตลาด 9.26% ซึ่งมากกว่า IE6 ที่ 6.03% และ IE7 ที่ 1.78% รวมกัน

ที่มา: Blognone

ออราเคิลออกนโยบายความปลอดภัยแก้ปัญหา Java รั่ว, ออก Server JRE รุ่นไร้ปลั๊กอิน

ปัญหาความปลอดภัยของ Java ในรอบปีสองปีที่ผ่านมา สร้างชื่อเสียงทางลบอย่างมาก จนออราเคิลต้องออกมาประกาศนโยบายด้านความปลอดภัยใหม่ของ Java ชุดใหญ่ ดังนี้
  • แยกรุ่นของ JRE เป็น Server JRE โดยไม่มี Java Plug-in ที่เป็นปัญหาโดนเจาะมาตลอด เพื่อให้ปัญหาช่องโหว่ไม่กระทบงานด้านเซิร์ฟเวอร์ (เริ่มใช้ตั้งแต่ Java 7u21 เป็นต้นไป)
  • แยกกระบวนการออกแพตช์ความปลอดภัยเป็น 2 ประเภท คือ Critical Patch Update รุ่นมาตรฐานออกปีละ 4 ครั้ง ตามรอบซอฟต์แวร์ตัวอื่นของบริษัท และ Security Alert สำหรับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นจุดๆ ไปเมื่อค้นพบช่องโหว่สำคัญ
  • เปลี่ยนเงื่อนไขการรัน Java applet โดย applet ที่ถูก sign จะไม่จำเป็นต้องได้สิทธิรันนอก sandbox อัตโนมัติเหมือนก่อน และตัวปลั๊กอินจะตั้งค่าห้ามไม่ให้รัน applet ที่ไม่ถูก sign ตามกระบวนการของออราเคิลแล้ว
  • ในอนาคต Java applet ที่ไม่ได้ sign ตามกระบวนการที่ถูกต้อง จะรันไม่ได้เลย
  • จากปัญหา Java ไม่เช็คใบรับรองดิจิทัลที่ถูกเพิกถอนแล้ว ออราเคิลจะปรับปรุงวิธีการตรวจสอบใบรับรองดิจิทัลใหม่ในอนาคต แต่ในระยะสั้นจะปิดฟีเจอร์ด้านการตรวจสอบนี้ทิ้งไปก่อน ด้วยเหตุผลด้านประสิทธิภาพ
ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ช่องโหว่ของ Ruby on Rails ถูกใช้เจาะเซิร์ฟเวอร์เป็นวงกว้าง

ช่องโหว่ของ Ruby on Rails ที่ถูกค้นพบในเดือนมกราคมปีนี้ กลายเป็นช่องทางสำคัญให้แฮ็กเกอร์เจาะเข้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้ง Rails เอาไว้ และเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้เป็น botnet สำหรับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้านอื่นๆ (เช่น มัลแวร์) ต่อไป

ช่องโหว่ตัวนี้ของ Rails มีความรุนแรงในระดับสูง (critical) เพราะเปิดโอกาสให้แฮ็กเกอร์ส่งโค้ดอันตรายเข้ามารันบนเซิร์ฟเวอร์ได้จากระยะไกล ทางทีมพัฒนา Rails ออกแพตช์แก้นานแล้ว แต่ก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัพแพตช์ตาม และกลายเป็นเหยื่อของช่องโหว่นี้ในที่สุด

ผู้ใช้ Rails ควรอัพเกรดเป็นเวอร์ชัน 3.2.11, 3.1.10, 3.0.19, 2.3.15 ขึ้นไปครับ

ที่มา: Blognone

Jony Ive คือ "กุญแจสำคัญ" ของ iOS 7

ยังคงเป็นกระแสที่ร้อนแรงและถูกพูดถึงกันมากสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 7 ของ Apple ที่บรรดาสาวก รวมถึงผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลก ต่างเฝ้าติดตามการเปลี่ยนอินเตอร์เฟซแบบยกชุด ภายใต้การนำของ Jony Ive


จากการให้สัมภาษณ์ของ Tim Cook ประธานบริหาร หรือ CEO ของ Apple ที่ D11 Conference เขากล่าวว่า Jony Ive เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรุ่นต่อไปของระบบปฏิบัติการ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในงาน WWDC เดือนมิถุนายนนี้ ซึ่ง Tim Cook ก็ยอมรับว่า Jony Ive มีส่วนสำคัญต่อภาพลักษณ์ของ Apple ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าซอฟต์แวร์จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมี Jony Ive เป็นพลังสร้างสรรค์อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามกับข่าวลือที่ว่า iOS 7 จะมีการเปลี่ยนอินเตอร์เฟซใหม่แบบชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้สีขาวและดำเป็นหลัก หรือการเปลี่ยนหน้าตาให้เรียบและดูสะอาดขึ้น ทาง Tim Cook ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด เขาบอกสั้นๆ ว่า "อนาคตของ iOS และ OS X จะเปิดตัวที่งาน WWDC 2013 เดือนมิถุนายนนี้"

ทั้งนี้เหล่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนไปจนถึงสาวก Apple คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับการเปิดตัว iOS 7 และ OS X ในงาน WWDC 2013 ซึ่ง keynote จะอยู่ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้

ที่มา: ARiP 

ถึงจุดอิ่มตัว? หัวหน้าทีมวิศวกรของ Google Maps ย้ายซบ Microsoft

หลังเปิดตัวแผนที่แบบใหม่ได้ไม่นาน ตอนนี้ทีม Google Maps ก็เสียกำลังสำคัญไปให้กับคู่แข่ง เมื่อ Raj Shah หัวหน้าทีมวิศวกรของ Google Maps ย้ายไปทำงานให้กับ Microsoft

ในช่วงที่ทำงานกับ Google อยู่นั้น Shah ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลย่อยของแผนที่ทั้งหมดจากทั่วโลก มาผนวกรวมเข้าด้วยกันเป็น Google Maps และย้อนไปก่อนหน้านั้น เขาเป็นผู้สร้างศูนย์วิศวกรรมของ Google ในประเทศอินเดีย ส่วนงานอื่นๆ นอก Google ได้แก่ การก่อตั้งบริษัทรับจัดงานอีเวนท์ชื่อ 123Signup และเป็นรองประธานฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทด้านการบริหารองค์กร Ketera

ส่วนงานใหม่ของ Shah ใน Microsoft ก็แน่นอนว่ายังคงวนเวียนอยู่กับงานแผนที่ โดยเขาจะดูแลงานในแผนกบริการออนไลน์ ทั้งตัว Bing Maps และผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ต้องมาดูว่าในอนาคต Microsoft จะยกระดับบริการแผนที่ตัวเองขึ้นมาสู้กับ Google Maps ได้มากขนาดไหน

ที่มา: Blognone

Twitter เพิ่มระบบล็อคอิน 2 ชั้นแล้ว

หลายครั้งหลายคราว ที่เรามักจะได้ยินข่าวของโซเชียลมีเดียถูกแฮคเข้าระบบ โดยบรรดาแฮคเกอร์ที่อาศัยช่องโหว่ต่างๆ เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อ และนำมาซึ่งความเสียหายที่ยากจะคาดเดา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Twitter จึงเตรียมมาตรการสำหรับปกป้องผู้ใช้งานด้วยระบบล็อคอิน 2 ชั้น


Twitter คือโซเชียลมีเดียหลายใหญ่ที่มักตกเป็นเป้าหมายของบรรดาแฮคเกอร์ ที่จ้องจะใช้ช่องโหว่ตามบัญชีของผู้ใช้งานเพื่อใช้ก่อเหตุที่ไม่คาดคิดต่างๆ ด้วยเหตุนี้ Twitter จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการ "two-factor authentication" หรือระบบล็อคอินก่อนเข้าใช้งาน 2 ชั้น ซึ่งในการเปิดใช้ระบบดังกล่าว เจ้าของบัญชี Twitter ต้องเข้าไปที่เมนู account settings จากนั้นให้เลือกไปที่ Require a verification code when I sign in (ต้องการรหัสยืนยันเมื่อทําการเข้าสู่ระบบ) และเลือก add a phone (เพิ่มมือถือ)  สำหรับใส่เบอร์โทรศัพท์มือถือของตัวคุณเอง จากนั้นระบบก็จะให้คุณกดยืนยันการส่งรหัส  6 หลักไปที่โทรศัพท์มือถือของคุณ และจะให้คุณตั้งรหัสผ่านใหม่ หรือพิมพ์รหัสเดิมที่ผูกติดกับ Twitter ของคุณ แล้วกดเซฟ

จากขั้นตอนขั้นต้นแล้ว การเข้าสู่ระบบครั้งต่อไปเมื่อคุณพิมพ์ยูสเซอร์เนมและรหัสผ่านแล้ว ระบบก็จะขึ้นหน้าต่างอีกหน้าขึ้นมาเพื่อให้คุณกรอกรหัส 6 หลักที่ส่งมาเป็น SMS ในโทรศัพท์มือถือของคุณ หลังจากกรอกรหัสเสร็จเรียบร้อยถึงจะสามารถเข้าใช้งาน Twitter ได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามทางออกอีกอย่างสำหรับการใช้ Twitter รวมไปถึงโซเชียลมีเดียอีกหลายๆ ตัวคือ การตั้งรหัสผ่านที่มีความยาก หรือหมั่นเปลี่ยนรหัสผ่านเหมือนอย่างการใช้บัตร ATM ที่มักจะเตือนเสมอว่าให้เปลี่ยนรหัสผ่านเพื่อเป็นการป้องกันเหล่ามิจฉาชีพ และแฮคเกอร์ไม่ให้สามารถเดารหัสผ่านของเราได้ถูกต้องนั่นเอง

Update1:  Evernote เพิ่มระบบล็อกอินสองชั้น Two-Step Verification
Evernote ถูกแฮ็กครั้งใหญ่ไปเมื่อต้นปี วันนี้บริษัทจึงประกาศฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก 3 อย่าง
  • Two-Step Verification ระบบล็อกอินสองชั้นด้วยโค้ดที่ส่งทาง SMS เหมือนกับบริการออนไลน์อื่นๆ ที่ทำกันไปก่อนแล้ว ระบบนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานเอง ไม่บังคับใช้แต่อย่างใด (เบื้องต้นยังใช้ได้เฉพาะ Evernote Premium/Evernote Business แต่อนาคตจะขยายไปยังผู้ใช้ทุกคน)
  • Authorized Applications แสดงรายชื่อของแอพที่ขอสิทธิเข้าถึงข้อมูลใน Evernote และสามารถยกเลิกการเข้าถึงได้จากหน้าเว็บ
  • Access History แสดงประวัติการล็อกอินใช้งาน Evernote เพื่อดูว่ามีใครแปลกปลอมเข้ามาในบัญชีของเราหรือไม่

Update2: LinkedIn เริ่มใช้ระบบล็อกอินสองชั้น Two-Step Verification 
LinkedIn เป็นบริการออนไลน์รายล่าสุดที่เริ่มใช้ระบบล็อกอินสองชั้น (two-step verification) เช่นเดียวกับบริการออนไลน์อีกหลายรายที่นำร่องไปก่อนแล้ว

กระบวนการทำงานก็ไม่ต่างจากยี่ห้ออื่นคือ ยืนยันตัวตนอีกชั้นผ่าน SMS และยังเป็นแค่ทางเลือก (optional) ให้ผู้ใช้เลือกเปิดใช้งานกันเองโดยไม่บังคับ วิธีการเปิดใช้คือเข้าไปยัง Settings > Account > Manage Security ครับ

ที่มา: ARiP, Blognone, Bloenone

Twitter-Instagram วัยรุ่นนิยมมากขึ้น

โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คในโลกยุคดิจิตอลทุกวันนี้ มีมากมายหลายแบบหลายบริษัท แต่ Facebook ก็คงความเป็นเบอร์ 1 ที่ครองใจทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งในอนาคตจะยังเป็นเช่นนี้อยู่หรือไม่ เมื่อ Twitter กับ Instagram เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตมากขึ้นโดยเฉพาะ "วัยรุ่น" !!


จากผลสำรวจวัยรุ่นจำนวน 802 คน ที่มีอายุระหว่าง 12 - 17 ปี เมื่อเดือนกันยายน ปี 2012 โดย Pew Research Center ระบุว่า Facebook ยังคงได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 1 ในปี 2012 มีการใช้สังคมออนไลน์นี้คิดเป็น 94% มีอัตราการเติบโต 1% จากปี 2011 ซึ่ง 81% ของวัยรุ่นที่ทำการสำรวจมี Facebook เป็นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คหลัก ตามมาด้วย Twitter ที่วัยรุ่นเริ่มหันมาใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 26 %  มากกว่าปี 2011 ที่มีอัตราการใช้งานของวัยรุ่นเพียง 16% เท่านั้น รองลงมา ได้แก่ Instagram และ Tumblr ผลสำรวจบอกต่อไปว่า วัยรุ่นนิยมโพสต์รูปตัวเองในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเป็นส่วนใหญ่ พร้อมใส่ชื่อโรงเรียน ชื่อเมือง อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ ลงไว้ในโปรไฟล์ด้วย แต่ 60% ของวัยรุ่นตระหนักเรื่องความปลอดภัยของบริการไปจนถึงความเป็นส่วนตัว ดังนั้นจึงเลือกใช้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และอีกเหตุผลอันเนื่องมาจากมีผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ คนในครอบครัว ไปจนถึงญาติพี่น้องที่หันมาใช้ Facebook เช่นเดียวกัน เป็นการแสดงออกว่าวัยรุ่นไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่เหล่านั้น เห็นข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาทั้งหมด

ผลสำรวจต่อมาบอกอีกว่า วัยรุ่นใช้เวลากับ Facebook น้อยลง แต่ยังคงมีบัญชีอยู่ และหันไปใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอย่าง Twitter กับ Instagram มากขึ้น

จากผลสำรวจดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันได้อีกครั้งว่า Facebook กำลังเสียฐานลูกค้าในวัยรุ่นไปอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ Facebook ใช้ความพยายามทั้งการปรับหน้าตา เพิ่มฟีเจอร์ เพิ่มลูกเล่นต่างๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ดึงดูดให้กลุ่มวัยรุ่นหันกลับมาใช้ Facebook ได้อย่างในอดีต

ที่มา: ARiP