วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

NetBeans IDE 8.1 ออกแล้ว รองรับการเขียน Node.js เต็มรูปแบบ

ออราเคิลออก NetBeans IDE 8.1 โดยทิ้งช่วงจากรุ่นก่อนหน้า NetBeans 8.0 ประมาณหนึ่งปีครึ่ง ของใหม่ในรุ่นนี้ได้แก่
  • รองรับการเขียน Node.js อย่างเต็มที่ ลงลึกไปถึงตัว editor ที่ปรับปรุงให้เขียน JavaScript ได้ดีขึ้น
  • รองรับเฟรมเวิร์คและไลบรารีสาย JavaScript เพิ่มเติม เช่น Mocha, Selenium, Gulp และปรับปรุงการทำงานกับ AngularJS, KnockoutJS, Grunt
  • ปรับปรุงการทำงานร่วมกับ PHP, C/C++ รวมถึงตัวจัดการเวอร์ชัน Git
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพของการเขียนโค้ด Java
  • รองรับการทำงานกับ Oracle WebLogic Server แบบรีโมท
  • ปรับปรุงตัว Profiler ทั้งประสิทธิภาพ ฟีเจอร์ และ UI

ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เว็บไซต์ Krungsri Online โฉมใหม่ เรื่องเงิน เรื่องง่าย ... เพียงปลายนิ้ว

เรื่องเงินๆ ทองๆ ถือเป็นสาระสำคัญในชีวิตประจำวันของแต่ละคน เพราะนั่นหมายถึงปากท้อง ความเป็นอยู่ ต่อเนื่องไปจนถึงระบบเศรษฐกิจในระดับชาติ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินของผู้คนก็สะดวกขึ้นเป็นลำดับ ตามความสามารถของเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวย และครั้งนี้เป็นโอกาสดี ที่จะแนะนำระบบออนไลน์แบงก์กิ้งใหม่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในชื่อ Krungsri Online ซึ่งเป็นเว็บไซต์ออนไลน์แบงก์กิ้งที่เปี่ยมฟังก์ชั่นจัดการเรื่องธุรกรรมการเงิน และใช้งานได้สะดวกทุกขนาดหน้าจออุปกรณ์ ไม่ต้องจิ้มขยายอย่างทุลักทุเล


เว็บใหม่ ทำอะไรได้บ้าง?
ราวกับพกธนาคารไว้อยู่ในมือ เว็บไซต์ Krungsri Online ทำธุรกรรมได้หลายอย่าง ตลอด 24 ชั่วโมง (บางรายการโปรดศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียม) อาทิ
  • สอบถามรายการเดินบัญชี ได้ทั้งบัญชีออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ และเงินกู้ เอ็กซ์พอร์ตออกมาเป็นไฟล์ CSV และสั่งพิมพ์ได้ ดูย้อนหลังได้ 6 เดือน
  • ดู Statement บัตรเครดิต สำหรับนักช้อป เข้ามาดูรายการที่จับจ่ายไป สอบถามรายการที่ยังไม่เรียกเก็บ และดูย้อนหลังได้ 6 เดือนเช่นกัน (ให้บริการเฉพาะบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี อาทิ บัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เครดิตคาร์ด, บัตรเครดิตซิมเพิล วีซ่า คาร์ด, บัตรเครดิตกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ และบัตรเครดิต เทสโก้ วีซ่า)
  • โอนเงินระหว่างบัญชีตนเองในธนาคาร รองรับการเพิ่มบัญชีของตัวเองได้ 15 บัญชี โยกเงินจากบัญชีประเภทต่างๆ ไปมาได้เองตลอด การโอนไปยังบัญชีตนเองนอกเขต ฟรี 5 ครั้งต่อเดือน
  • การโอนเงินไปยังบุคคลอื่น ในธนาคาร, ต่างธนาคาร, ต่างประเทศ ที่เพิ่มความง่ายด้วยการไม่ต้องเพิ่มเลขบัญชีปลายทางไปในลิสต์ก่อนโอน และรับรองความปลอดภัยด้วยการใช้ One-time Password
  • และยังรวมถึง ชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ การซื้อขายแลกเปลี่ยนกองทุนรวม
  • ชำระเงิน / วางหลักประกันสำหรับหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ และบริการอื่นๆ อีกมากมาย
เริ่มใช้อย่างไร?

เรามาเริ่มดูแต่ละฟังก์ชั่นไปพร้อมกันตั้งแต่เริ่มใช้ จากหน้าเว็บไซต์ Krungsri Online การเริ่มต้นสมัครใช้งานแยกเป็นหลายรูปแบบ แล้วแต่ผู้ใช้ว่าถือบัญชีแบบไหน มีทั้งสมัครแบบออนไลน์, สมัครผ่านตู้เอทีเอ็ม, สมัครตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชี หรือแจ้งความจำนงโดยการส่งแบบฟอร์มที่สาขา


เมื่อสมัครสำเร็จ จนได้ username และ password ที่ตั้งค่าเป็นของตัวเองแล้ว ก็เข้าใช้งานได้เลย การตั้งค่าที่ปรับไว้อย่างไร เมื่อเปิดในอุปกรณ์ไหนก็จะกลับมาแสดงผลเหมือนที่ตั้งค่าไว้ล่าสุด

พกหลายบัตร มีหลายบัญชี สลับใช้ไปมาไม่วุ่นวาย กับ Cover Flow


หลังจากล็อกอินเข้ามายังหน้าแรกใน Krungsri Online ของคุณเองได้แล้ว คุณสามารถเพิ่มบัญชีออมทรัพย์ กองทุนและพอร์ตหุ้น รวมทั้งสินเชื่อต่างๆ ที่คุณเป็นเจ้าของอยู่เข้ามาในบาร์เดียวกันนี้ได้

เมื่อคลิกดร็อปดาวน์เมนู จะพบกับคำสั่งเบื้องต้นที่ทำกับบัญชีนั้นๆ ได้ทันที

My Portfolio ดูภาพรวมความเคลื่อนไหวของทุกบัญชีที่มีในหน้าดียว


นอกจาก Cover Flow ที่เลือกทำธุรกรรมแยกบัญชีทางด้านบน ที่หน้าจอหลักเว็บ Krungsri Online จะรายงานภาพรวมของบัญชีเงินฝาก กองทุนรวม หลักทรัพย์และอนุพันธ์ สินเชื่อต่างๆ (อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์) และบัตรเครดิตไว้ในหน้าจอเดียว และสามารถจัดการภาพโปรไฟล์ของตัวเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของบัญชีด้วยเมนูด้านซ้าย บาร์ด้านขวาเป็นทางลัดโอนเงินไปยังบัญชีที่ใช้งานประจำหรือจ่ายบิล ดูไปแล้วก็คล้ายกับหน้าตาอินบ็อกซ์ของอีเมล ที่มีแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ของคุณโดยเฉพาะ

ตัวอย่างภาพรวมบัญชีออมทรัพย์

ตัวอย่างภาพรวมการลงทุนในกองทุน หลักทรัพย์ และอนุพันธ์

ตัวอย่างภาพรวมบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคล

ยืดหยุ่นบนหลายหน้าจอ ไม่ต้องลงแอพเพิ่ม เว็บนี้ที่เดียวจบ


เว็บไซต์ Krungsri Online ขอเกาะเทรนด์ responsive web design ที่สามารถรองรับการแสดงผลทุกขนาดหน้าจอได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ต้องขยายหน้าเว็บเข้า-ออกจนกดผิดปุ่มอย่างทุลักทุเล เข้าถึงธุรกรรมสำคัญที่ต้องใช้งานได้อย่างครบถ้วน ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะล็อกอินบนอุปกรณ์ไหน ตั้งค่าเมนูที่ใช้บ่อยไว้อย่างไร ล็อกอินเครื่องไหนก็เห็นทุกอย่างเหมือนกัน

ใส่ใจความปลอดภัย

เดี๋ยวนี้มีการโจรกรรมข้อมูลทางการเงินผ่านทางแอพ โทรจัน ที่หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไปติดตั้งเพื่อแอบดักข้อมูล หรือบางครั้งก็ทำตัวเป็นแอพปลอมมา หรือในทางกลับกัน ก็ทำเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งปลอม ซึ่งเว็บไซต์ Krungsri Online จะมีการเข้ารหัสการใช้งานผ่านโปรโตคอล HTTPS 128 bits SHA 256 ที่ผู้ใช้สามารถสังเกตไอคอนกุญแจและชื่อธนาคารได้อย่างชัดเจน

เรื่องเงินกลายเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัว สิ่งนี้เข้าประชิดกายจนทำให้เราจัดการมันได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่าแต่ก่อน บอกลาการต่อคิวยาวหน้าธนาคารช่วงสิ้นเดือน ต้องขอบคุณเทคโนโลยีและความใส่ใจของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่รังสรรค์เว็บไซต์อีแบงก์กิ้งอย่าง Krungsri Online ออกมาตอบโจทย์ผู้คนได้เป็นอย่างดี

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สร้างไฟล์ .gif ง่ายๆ ด้วย GIPHY

เว็บไซต์สำหรับค้นหาไฟล์ .gif (ไฟล์ภาพเคลื่อนไหว) อย่าง GIPHY ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้คุณสร้างไฟล์ .gif ได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิกแล้ว


ใครที่อยากสร้างไฟล์ .gif ที่ตัดจากคลิปวีดีโอ ตอนนี้เว็บไซต์ GIPHY ได้เพิ่มอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างไฟล์ .gif ให้แล้ว  ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที  เพียงเข้าไปที่ http://giphy.com/create/gifmaker

วิธีการสร้างไฟล์ .gif ก็ง่ายมาก แค่เอาลิ้งค์ของคลิปวีดีโอที่ต้องการทำไฟล์ .gif แปะลงไป  หรือจะอัพโหลดไฟล์วีดีโอจากในเครื่องเราเองก็ได้ เสร็จแล้วก็เลื่อนหาช่วงเวลาที่เราต้องการตัดเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว สามารถปรับความยาวของ .gif ได้ยาวสุดถึง 10 วินาที  และใส่แคปชั่นกำกับที่รูปได้ด้วย พอสร้างเสร็จแล้วกด Create GIF รอสักพักก็ได้ไฟล์ .gif ออกมาสมใจ … ถ้ายังไงลองไปเล่นกันดูเลย ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำไฟล์ .gif ที่รวดเร็วและง่ายมากๆ จ้า

ที่มา: ARiP

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

IBM เริ่มจัดซื้อ Mac ให้พนักงานใช้แล้ว พบปัญหาการใช้งานลดเหลือเพียง 5%

หลังจากที่มีข่าวว่า IBM จะจัดซื้อเครื่อง Mac ให้แก่พนักงานกว่าสองแสนเครื่องนั้น Fletcher Previn รองประธานของ IBM ได้กล่าวที่งาน JAMF Nation User Conference ว่า
"Every Mac that we buy is making and saving IBM money"
หรือแปลเป็นไทยก็คือ Mac ที่บริษัทจัดซื้อมาให้พนักงานใช้นั้นนอกจากจะสร้างกำไรให้บริษัท ยังช่วยบริษัทประหยัดเงินอีกด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเริ่มจัดซื้อ Mac ให้พนักงานใช้แล้ว พบว่ามีเพียง 5% ของผู้ใช้งานทั้งหมดที่พบปัญหา และต้องเรียกช่างไอทีให้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับสถิติก่อนหน้านี้เมื่อตอนใช้พีซีแล้วนั้น กลับมียอดดังกล่าวสูงถึง 40%


ปัจจุบัน IBM ได้จัดซื้อ Mac ให้กับพนักงานสัปดาห์ละกว่า 1,900 เครื่อง (มีเป้าหมายการจัดซื้ออยู่ที่ 150,000 - 200,000 เครื่อง) โดยตอนนี้อุปกรณ์ iOS และ Mac ที่ใช้งานในบริษัทมีมากกว่า 130,000 เครื่องแล้ว

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มาตรฐาน HTML 5.0 เสร็จสมบูรณ์, ก้าวสู่ยุคของ HTML 5.1

การเดินทางอันยาวนานของ HTML5 นับสิบปี ตั้งแต่การฟอร์มทีมร่างมาตรฐาน WHATWG ในปี 2004 ก็มาถึง "ก้าวแรก" เมื่อองค์กรกำกับมาตรฐานเว็บ W3C ประกาศรับรองมาตรฐาน HTML 5.0 อย่างเป็นทางการ (มีสถานะเป็น "Recommendation")

ฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ HTML5 ก็เป็นไปตามที่ Blognone เสนอข่าวมาโดยตลอด (และทุกวันนี้เราก็ใช้กันเยอะแล้วเพราะเบราว์เซอร์รองรับกันก่อนเป็นมาตรฐาน) เช่น <audio>/<video>, Canvas, SVG, MathML เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม HTML5 ยังถือว่าไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะนโยบายใหม่ของ W3C จะมองมาตรฐาน HTML5 เป็นเวอร์ชันย่อยๆ ที่พัฒนาไปเรื่อยๆ (แบบ Chrome/Firefox) โดยตอนนี้มาตรฐาน HTML 5.1 เริ่มเข้าสถานะ Nightly แล้ว และมีกำหนดออกรุ่นจริงในปี 2016

Jeff Jaffe ซีอีโอของ W3C แสดงวิสัยทัศน์ผ่านบล็อกของ W3C ว่าตอนนี้พื้นฐานของเว็บยุคใหม่เสร็จสิ้นแล้วใน HTML5 งานขั้นต่อไปจะเรียกว่า "Application Foundations" หรือการวางพื้นฐานสำหรับการสร้างแอพพลิเคชั่นด้วยเทคโนโลยีเปิดของเว็บ (Open Web Platform) ที่แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มย่อยๆ
  • Security and Privacy เช่น Crypto API
  • Core Web Design and Development เช่น Web Components
  • Device Interaction เช่น การรองรับฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์บนมือถือ (GPS/NFC/Bluetooth)
  • Application Lifecycle เช่น Web Workers
  • Media and Real-Time Communications เช่น WebRTC
  • Performance and Tuning เช่น ปรับปรุง garbage collection, framerate
  • Usability and Accessibility
  • Services เช่น payment, semantic web, social

ที่มา: Blognone

พบบั๊ก POODLE ช่องโหว่ร้ายแรงใน SSL 3.0 กระทบการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยของเบราว์เซอร์

กูเกิลประกาศค้นพบบั๊กร้ายแรงในสเปกของโพรโทคอล SSL เวอร์ชัน 3.0 ที่ส่งผลให้การเชื่อมต่อ SSL อาจถูกเจาะและไม่ปลอดภัยอย่างที่แล้วๆ มา โดยกูเกิลให้ชื่อบั๊กนี้ว่า POODLE

SSL หรือ Secure Socket Layer เป็นโพรโทคอลความปลอดภัยที่ถูกสร้างโดย Netscape ในปี 1995 และ SSL 3.0 เป็นมาตรฐานเก่าที่ออกตั้งแต่ปี 1996 (เกือบ 20 ปีแล้ว) หลังจากนั้นมาตรฐานถูกเปลี่ยนชื่อเป็น TLS (Transport Layer Security) เวอร์ชันล่าสุดคือ 1.2 ออกเมื่อปี 2008 อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปยังนิยมเรียกกันติดปากกว่า SSL อยู่ (และหลายคนเข้าใจผิดว่า SSL 3.0 ใหม่กว่า TLS 1.2)

บั๊ก POODLE มีผลเฉพาะกับ SSL 3.0 ที่เก่ามากแล้ว แต่เว็บเบราว์เซอร์ยังรองรับและเว็บเซิร์ฟเวอร์ยังใช้งานกันอยู่บ้าง (สถิติของ Mozilla บอกว่า 0.3% ของการสื่อสารที่ปลอดภัยทั้งหมด) ที่สำคัญคือเบราว์เซอร์จะทดลองสื่อสารด้วย TLS เวอร์ชันใหม่ก่อน ถ้าหากไม่พบก็จะถอยเวอร์ชันลงไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายเพราะแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่ POODLE ของ SSL 3.0 โดยที่เราไม่รู้ตัว

ทางแก้ไขเบื้องต้นคือให้เบราว์เซอร์หรือเซิร์ฟเวอร์รองรับฟีเจอร์ TLS_FALLBACK_SCSV หรือ TLS Fallback Signaling Cipher Suite Value ซึ่งจะช่วยป้องกันการดาวน์เกรดโพรโทคอล TLS/SSL เพื่อลดโอกาสถูกโจมตี กูเกิลบอกว่า Chrome และเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองรองรับฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว และวันนี้กูเกิลจะลองปิดการดาวน์เกรดเป็น SSL 3.0 กับ Chrome ส่วนในอนาคตจะเลิกสนับสนุน SSL 3.0 อย่างถาวร

ฝั่งของ Firefox ออกมาบอกว่าจะปิด SSL 3.0 ใน Firefox 34 ที่จะออกช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และ Firefox 35 จะรองรับฟีเจอร์ TLS_FALLBACK_SCSV ตามมา

การปิด SSL 3.0 อาจส่งผลกระทบให้เว็บไซต์บางแห่งใช้งานไม่ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลระบบที่ต้องแก้ไขเรื่องเวอร์ชันของ SSL (งานนี้แพตช์ปิดรูรั่วไม่ได้นะครับเพราะเป็นบั๊กของโพรโทคอล SSL 3.0 ไม่ใช่บั๊กของตัวซอฟต์แวร์ ต้องปิด SSL 3.0 อย่างเดียว) รายละเอียดอ่านได้จาก เอกสารของ Mozilla 

ผู้ใช้กลุ่มที่มีปัญหาที่สุดคือ Windows XP ที่ยังใช้งาน IE6 เพราะรองรับแค่ SSL 3.0 เท่านั้น การปิด SSL 3.0 ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ย่อมกระทบผู้ใช้กลุ่มนี้ และเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องพิจารณากันเองว่าสมควรปิด SSL 3.0 หรือไม่

วิธีปิด SSL 3.0

สำหรับผู้ใช้ที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและไม่ต้องการรอแพตช์ สามารถปิดการทำงานของ SSL 3.0 ได้เอง
  • Firefox เข้าไปที่ about:config แล้วเปลี่ยนค่า security.tls.version.min เป็น 1
  • อีกทางเลือกหนึ่งของ Firefox คือใช้ส่วนขยายชื่อ SSL Version Control
  • Chrome ให้รันด้วยพารามีเตอร์ --ssl-version-min=tls1 ต่อท้าย
  • IE เข้าไปที่ Internet Options > Advanced > Security > เอาตัวเลือก Use SSL 3.0 ออก
  • Windows และ Windows Server ให้ปรับค่าใน Group Policy - วิธีการ
ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Apple เอาอย่าง Facebook ช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากการเก็บรักษาไข่ให้พนักงานหญิง

เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมของปีหน้าเป็นต้นไป Apple จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่บรรดาพนักงานสาวของบริษัท โดย Apple จะช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดจากการเก็บรักษาไข่ของพวกเธอไว้ด้วยการแช่แข็ง ทั้งนี้ Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่มีนโยบายเอาใจพนักงานหญิงขององค์กรแบบนี้ เพราะ Facebook ได้เริ่มทำมาก่อนตั้งแต่เดือนมกราคมของปีนี้


แรกเริ่มเดิมทีนั้น การเก็บรักษาไข่ของผู้หญิงนั้นมีขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีโอกาสได้มีทายาทสืบสกุล และช่วยเหลือผู้ที่มีบุตรยาก แต่ในปัจจุบันนี้ สตรีทั่วไปที่มิใช่ผู้ป่วยก็สามารถเลือกเก็บรักษาไข่ของตนเองไว้เพื่อทำการปฏิสนธิในภายหลังเมื่อบุคคลผู้นั้นมีความพร้อมที่จะมีบุตร

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเก็บเอาไข่มาแช่แข็งจำนวน 10 ฟองนั้นอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ และการเก็บรักษาไข่จำนวนดังกล่าวนั้นมีค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ 500 ดอลลาร์ ซึ่งทั้ง Apple และ Facebook นั้นพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้แก่บรรดาพนักงานหญิงของบริษัทสูงสุดถึงรายละ 20,000 ดอลลาร์ (เรียกว่าเก็บไข่ 10 ฟองได้นาน 20 ปีเลยทีเดียว)

นโยบายนี้ของทั้ง 2 บริษัทนั้น มีขึ้นก็เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานหญิงในองค์กรตัดสินใจทำงานให้บริษัทอย่างต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเธออาจจะเข้าสู่วัยที่เริ่มมีบุตรยาก อันหมายถึงช่วงวัย 30 ตอนปลาย หรือ 40 ตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พนักงานส่วนใหญ่กำลังเติบโตในหน้าที่การงานนั่นเอง

ที่มา: Blognone

ปี 2050 จะมีลิฟท์ไปถึงอวกาศ … ?

การเดินทางสู่อวกาศอาจเป็นเรื่องในฝันสำหรับใครหลายๆ คน ซึ่งปัจจุบันการเดินทางจำเป็นต้องพึ่งพากระสวยอวกาศเพื่อพาเราไปยังห้วงอวกาศ แต่ในปี 2050 ลิฟท์อาจเป็นเครื่องขนส่งที่พาเราไปสู่อวกาศได้โดยง่าย


โครงการล่าสุดจาก “โอบายาชิ” (Obayashi) บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเตรียมสร้างลิฟท์อวกาศ ที่มีความสูงถึง 96,000 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางขึ้นสู่อวกาศแทนที่การขนส่งด้วยจรวดหรือกระสวยอวกาศ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีราคาแพงและมีความเสี่ยงสูง ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นทางโอบายาชิได้ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว ABC ว่า การโดยสารลิฟต์อวกาศอยู่ที่คนละประมาณ 200 เหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าการเดินทางด้วยกระสวยอวกาศที่มีต้นทุนประมาณ 22,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกิโลกรัม โดยในการขนส่งมนุษย์ไปสู่สถานีอวกาศสามารถบรรจุได้ถึง 30 คนในครั้งเดียว สำหรับการเดินทางเที่ยวละ 7 วัน

แต่ทั้งนี้ทางโอบายาชิยอมรับว่าการพัฒนาท่อขนส่ง รวมถึงสายเคเบิลจะต้องมีความทนทางสูง โดยขณะนี้บริษัทกำลังวัสดุที่เรียกว่าคาร์บอน นาโนเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตในจำนวนมหาศาลและพร้อมใช้งานอาจเกิดขึ้นราวๆ ปี 2030

ที่มา: ARiP

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

LINE เพิ่มฟีเจอร์ Hidden Chat ลบข้อความอัตโนมัติเมื่อหมดเวลา

ดูเหมือนว่า Beetalk ซึ่งมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง Whisper Mode ซึ่งข้อความที่ส่งจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไปตามที่กำหนด จะเจอคู่แข่งรายสำคัญแล้ว เมื่อ LINE เพิ่มฟีเจอร์ Hidden Chat

คุณสมบัติพื้นฐานของฟีเจอร์ดังกล่าวคือ เมื่อเราเข้าไปในหน้า Chat กับเพื่อนตามปกติแล้ว เมื่อกดที่ชื่อเพื่อนด้านบน จะมีเมนู Hidden Chat ขึ้นมาให้เลือก (นอกเหนือจาก Free Call และ Video Call) ซึ่งเมื่อกดที่เมนูดังกล่าว จะเป็นการสร้างห้องแชทแยกออกมาจากห้องแชทปกติ ในห้อง Hidden Chat นี้ ข้อความที่ถูกส่งไปและเปิดอ่านแล้วจะถูกลบภายในระยะเวลาที่กำหนด (มีเมนูให้เลือกในห้องนั้นๆ) โดยห้องแชทที่เป็น Hidden Chat จะมีสัญลักษณ์แม่กุญแจขึ้นมาบนรูป Display Picture ของเพื่อนคนนั้นๆ
 
ทั้งนี้ คู่สนทนาต้องใช้แอพรุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ทั้งสองฝ่ายจึงจะใช้งานได้ เบื้องต้นตอนนี้เจอเฉพาะแอพรุ่น 4.5.3 บน Android ครับ

ที่มา: Blognone

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Visa Checkout บริการใหม่ที่ไม่ต้องกรอกเลขบัตรเครดิตทุกครั้งเวลาซื้อของผ่านเน็ต

Visa เปิดบริการใหม่ Visa Checkout ระบบจ่ายเงินออนไลน์ (ลักษณะเดียวกับ PayPal) ที่ช่วยให้เราจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น


Visa บอกว่ากระบวนการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตบนเว็บยังยุ่งยากเกินไป (ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตทุกครั้ง) Visa จึงร่วมมือกับคู่ค้าและสถาบันการเงินต่างๆ ทำระบบ Visa Checkout ที่ช่วยเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของเราไว้บนเว็บไซต์ของ Visa เอง กรอกข้อมูลบัตรเพียงครั้งเดียว จากนั้นเมื่อพบร้านค้าที่มีโลโก้ Visa Checkout ก็กดที่ปุ่มนั้นเพื่อล็อกอินเข้าระบบของ Visa และจ่ายเงินได้ทันที (ข้อมูลทุกอย่างเก็บอยู่ที่ Visa ไม่ได้เก็บที่เว็บไซต์ของผู้ขาย)

ในเบื้องต้น Visa Checkout จะเปิดบริการในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย โดย Visa แสวงหาความร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐอย่าง Newegg, Ticketmaster, Pizza Hut, Staples, United Airline เพื่อเพิ่มปุ่ม Visa Checkout ในหน้าร้านออนไลน์ของบริษัทเหล่านี้แล้ว และบริษัทยังเปิด SDK ให้ห้างร้านหรือผู้พัฒนาแอพรายอื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มการจ่ายเงินด้วย Visa Checkout นำไปใส่ในเว็บหรือแอพของตัวเอง

Visa บอกว่าลูกค้าไม่ต้องการระบบ e-wallet ที่ยุ่งยาก แต่ต้องการเพียงการจ่ายเงินด้วยบัตรของตัวเองให้ง่ายและเร็วเท่านั้นเอง บริษัทจึงออกแบบ Visa Checkout ให้ตอบโจทย์ความต้องการนี้ โดยยังรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่เช่นเดิม

ที่มา: Blognone