วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Android 8.0 Oreo เพิ่มฟีเจอร์สั่งงานปริ้นเตอร์ ไม่ต้องใช้แอปช่วย

ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 ได้ฤกษ์เปิดตัวพร้อมชื่อ “Oreo” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าสมาร์ทโฟน Android ระดับไฮเอนด์ที่จะทยอยเปิดตัวก่อนสิ้นปีนี้จะเริ่มหันมาใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดจาก Google กันค่อนข้างแน่


นอกจากการเปิดตัว Google ยังปล่อยให้ผู้สนใจได้ติดตั้ง Android 8.0 Oreo ไปทดสอบใช้งานกันเบื้องต้น หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกค้นพบ คือ การเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับปริ้นเตอร์ โดยผู้อ่านที่เห็นแบบนี้อาจรู้สึกว่าไม่เห็นแปลกและไม่ใช่เรื่องใหม่นัก แต่สิ่งที่ Android 8.0 Oreo ต้องการนำเสนอฟีเจอร์นี้ เนื่องจากเป็นตัวช่วยที่สามารถเชื่อมต่อกับปริ้นเตอร์แบบไม่อาศัยแอปจากปริ้นเตอร์นั้นๆ

การนำเสนอฟีเจอร์นี้ทาง Google ได้มีการใช้มาตรฐานการพิมพ์จาก Mopria เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและสั่งพิมพ์ไปยังปริ้นเตอร์ได้โดยตรง ซึ่งในปัจจุบันมีปริ้นเตอร์ที่ได้การรับรองมาตรฐานจาก Mopria มากกว่า 100 ล้านเครื่อง

สำหรับการใช้งานเพียงเข้าไปที่เมนู Settings  > Connected devices > Printing > Default Print Service จากนั้นผู้ใช้สามารถค้นหาปริ้นเตอร์ผ่าน Wi-Fi Direct หรือการป้อน IP address เอง


ที่มา: ARiP

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Omnicharge เปิดตัว Power Bank ชาร์จโน๊ตบุ๊คผ่าน USB-C และเป็น Hub USB 3.0 ในตัวเดียว

ต่อจากรุ่นก่อน Omni 20 USB-C เป็น Power Bank รุ่นรองรับการชาร์จพลังงานผ่านพอร์ต USB Type-C โดยเฉพาะ ใช้ชาร์จโน๊ตบุ๊คก็ได้ และเป็น Hub USB 3.0 ก็ได้อีกด้วย


รุ่น Type-C หลังประสบความสำเร็จเมื่อปีที่แล้ว กับรุ่น Omnicharge Standard และ Omnicharge Pro เป็น Power Bank ที่มาพร้อมหัวชาร์จแบบ AC (ปลั๊กสามขา) ซึ่งจ่ายไฟได้ระดับ AC 120V หรือ 230V ทำให้ชาร์จโน๊ตบุ๊คได้สบายๆ หรือใช้จ่ายไฟทีวีก็ยังได้ และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางผู้ผลิตได้เปิดตัวรุ่นที่ใช้หัวชาร์จเป็น USB Type-C เอาไว้ใช้กับอุปกรณ์สมัยใหม่ ที่มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) นั้นเอง !!


พบกันอีกครั้งกับ Omnicharge ผู้ผลิต Power Bank อเนกประสงค์ ที่ชาร์จอุปกรณ์ได้สารพัดนึก และชาร์จอุปกรณ์ได้หลายตัวพร้อมๆ กันด้วย ในรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ก็ใช้ชื่อว่า “Omni 20 USB-C” มาพร้อมความจุระดับ 20,100 mAh มีชิป CPU คอยควบคุมระบบ (32 bits ARM Cortex M0) ขนาดตัวเครื่องกระทัดรัด หนักแค่ 506 กรัมเท่านั้น


และมีระบบป้องกันภัยถึง 12 ชั้น หลักๆ ก็มี กันความร้อน, ลัดวงจร, จ่ายไฟเกิน, ป้องกันแรงดัน, กระแสเกิน และอีกเพียบ ส่วนตัวแบตฯ ก็ใช้ Lithium Ion Battery จำนวน 6 ก้อนซ้อนกัน (By Panasonic/LG chem/Samsung) รองรับการชาร์จได้ถึง 500 ครั้ง


พอร์ต USB-C สองช่อง ฝั่งหนึ่งจ่ายไฟออกได้ถึง 60W (รวมอีกฝั่งเป็น​ 100W) รองรับ Fast-Charging เต็มไวในไม่กี่ชั่วโมง


USB-C อีกฝั่งเป็นช่องชาร์จไฟเข้า 45W ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ในการชาร์จไฟเข้าตัว Omni 20


พอร์ต USB-A 3.0 สองช่อง จ่ายไฟได้ 30W หรือ 5V/3A ทั้งสองช่องกันเลย


ส่วนที่พิเศษของ Omni 20 เลยคือ สามารถเป็น Hub ส่งข้อมูลผ่าน USB 3.0 X 2 และ USB-C X 1 ได้ด้วย


ชาร์จไฟไปด้วย ส่งข้อมูลไปด้วย


และสุดท้าย จอ OLED บอกสถานะทั้งหมดของตัวเครื่องแบบ Real-Time

สำหรับราคา Omni 20 USB-C เนื่องจากอยู่ในช่วง BACKERS จึงมีราคาพิเศษ แบ่งเป็น 2 แบบคือ
  • Omni 20 USB-C + Protective Case (เคสกันกระแทก) อยู่ที่ 189 เหรียญฯ หรือประมาณ 6,300 บาท (จากราคาปกติ 288 เหรียญฯ หรือประมาณ 9,600 บาท)
  • Omni 20 USB-C อยู่ที่ 169 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,700 บาท (จากราคาปกติ 249 เหรียญฯ หรือประมาณ 8,300 บาท)
เริ่มจัดส่งช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ครับ ใครสนใจ ไปดูรายละเอียดได้ที่ Omnicharge: Most Powerful Dual USB-C Power Bank

ที่มา: ARiP

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เพื่อการขุดโดยเฉพาะ ASUS เปิดตัวเมนบอร์ด B250 มี PCIe 18 ช่อง รองรับการ์ดจอ 16 ใบ

ASUS B250 Mining Expert เปิดตัวเมนบอร์ด ASUS B250 Mining Expert เมนบอร์ดที่ออกแบบมาเมื่อการขุดเงินดิจิตอลโดยเฉพาะ โดยตัวเมนบอร์ดเป็น PCIe x1 จำนวนถึง 18 ช่อง วางเรียงกัน สามแถว

การติดตั้งการ์ดปกติคงทำไม่ได้ แต่สำหรับเครื่องขุดเงินมักต่อสายแยกออกไปอยู่แล้วก็คงไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะติดตั้งจนเต็ม

แม้ว่าจะมี PCIe มาถึง 18 ช่องแต่ไดร์เวอร์ของทั้ง AMD และ NVIDIA รองรับการติดตั้งการ์ดจอเพียง 8 ใบต่อเครื่อง แต่สามารถติดตั้งสองยี่ห้อพร้อมกันได้ยี่ห้อละ 8 ใบรวมเป็น 16 ใบ (มีผู้ใช้บางคนระบุว่าสามารถติดตั้งได้เกินนั้น)

ก่อนหน้านี้ ASUS เคยออกสินค้าสำหรับขุดเงินมาแล้วโดยเฉพาะคือการ์ดตระกูล Mining ที่ไม่มีพอร์ตต่อจอภาพ โดยมีให้เลือกทั้ง AMD และ NVIDIA แต่การ์ดไม่มีขายทั่วไปต้องสั่งเป็นล็อตเท่านั้น ตัวเมนบอร์ดนี้ก็อาจจะไม่มีขายปลีกเช่นกัน


ที่มา: Blognone

Google Docs ปรับปรุงเรื่องเวอร์ชันของเอกสาร ตั้งชื่อเวอร์ชันได้แล้ว, แก้เป็นทีมจากมือถือได้

Google Docs, Sheets, Slides ปรับปรุงฟีเจอร์ด้านการแก้ไขเอกสารร่วมกัน (collaboration) และการควบคุมเวอร์ชันของเอกสาร (version control) ดังนี้
  • เดิมที เอกสารในกลุ่ม Docs จะถูกบันทึกการแก้ไขเป็น revision history ตามเวลา ของใหม่เราสามารถตั้งชื่อเวอร์ชันได้เอง และเปลี่ยนชื่อมาเป็น version history แทน ผู้ใช้ยังสามารถเรียกดูเฉพาะเวอร์ชันที่ถูกตั้งชื่อ เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของเอกสารได้
  • กรณีที่เอกสารมีคนแก้กันหลายคน มี suggested edits มากจนงง เราสามารถพรีวิวดูหน้าตาเอกสารที่รับทุกการแก้ไข (accept all) หรือปฏิเสธทุกการแก้ไข (reject all) ก่อนได้ นอกจากนี้ระบบยังเพิ่มปุ่ม accept/reject all ให้ด้วย เพื่อประหยัดเวลาของคนตรวจเอกสาร
  • ผู้ใช้บน Android/iPhone/iPad สามารถ suggest changes ได้แล้ว ช่วยให้คอมเมนต์หรือแก้ไขเอกสารได้จากทุกที่

นอกจากเรื่องการควบคุมเวอร์ชันของเอกสารแล้ว Google Docs และ Sheets ยังปรับปรุงระบบเทมเพลตของเอกสาร ให้ผูกกับ add-on บางตัวได้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น เอกสารสัญญาที่มีผลทางกฎหมาย ที่ผูกกับบริการเซ็นชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของ DocuSign เป็นต้น

ที่มา: Blognone

LINE เพิ่มฟีเจอร์ Live ในห้องสนทนากลุ่ม

LINE ในเวอร์ชันล่าสุด 7.9.0 ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ โดยในกลุ่มหรือห้องสนทนาที่มีหลายคน สามารถเลือก Live เพื่อถ่ายทอดวิดีโอให้คนในห้องชมพร้อมกันได้ ซึ่ง LINE ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่น่าใช้งาน อาทิ คุยกับเพื่อนพร้อมถ่ายทอดสดการแข่งกีฬา หรือกลุ่มไลน์ครอบครัวโชว์สมาชิกใหม่

ฟีเจอร์นี้ถูกพูดถึงครั้งแรกในงาน LINE Conference ล่าสุด สำหรับการเริ่ม Live ในห้องสนทนากลุ่มนั้น ให้กดปุ่มโทรศัพท์ แล้วเลือก Live ซึ่งหน้าจอสามารถแสดงได้ทั้ง 1/8 ของจอ หรือเต็มจอ

ในแอพเวอร์ชันล่าสุดนี้ยังมีการปรับปรุงกล้องภายในแอพ โดยเพิ่มคุณสมบัติการตกแต่งภาพจากแอพ B612 เข้ามาด้วย


ที่มา: Blognone

มาแรงแซงโค้ง ธนาคารไร้สาขา Kakao Bank ในเกาหลีใต้ปล่อยเงินกู้ครัวเรือนเป็นอันดับหนึ่งในเดือนนี้

Kakao Bank ธนาคารไร้สาขาในเกาหลีใต้ที่ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างเดียวและเพิ่งเปิดบริการเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาปล่อยเงินกู้ภาคครัวเรือนในช่วง 11 วันแรกของเดือนสิงหาคมไปแล้วถึง 540 พันล้านวอน คิดเป็น 24.9% ของยอดรวมที่สถาบันการเงินปล่อยกู้ทั้งหมดในช่วงเดียวกัน

เงินกู้จาก Kakao Bank เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยอดรวมนับแต่เปิดบริการมาตอนนี้ปล่อยเงินกู้ไปแล้ว 900 พันล้านวอน ดอกเบี้ยเงินกู้ของ Kakao Bank นั้นเริ่มต้นเพียง 2.86% เท่านั้น

ธนาคารไร้สาขาในเกาหลีใต้ตอนนี้มีสองธนาคารคือ K-Bank และ Kakao Bank ที่แข่งขันในแง่ดอกเบี้ยอย่างหนัก K-Bank ต้องประกาศเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝากเป็น 2.1% หลังจาก Kakao Bank จ่ายดอกเบี้ย 2%


ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รีวิว ASUS ZenBook UX430UQ อัลตร้าบุ๊กสุดบาง มาพร้อมจอใหญ่ในร่างเล็ก

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ASUS ประเทศไทยได้เปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นใหม่หลายตัว หนึ่งในนั้นคือ ZenBook UX430UQ อัลตร้าบุ๊กรุ่นรองท็อป ซึ่ง ASUS ได้ส่งมาให้รีวิวด้วยครับ

 

ฮาร์ดแวร์


ASUS ZenBook UX430UQ จัดเป็นอัลตร้าบุ๊กที่มีสเปกค่อนข้างดี ดังนี้
  • ซีพียู Intel Core i7-7500U 2.7GHz บูสต์ได้ถึง 3.5GHz
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce 940MX แรม 2GB และ Intel HD Graphics 620
  • แรม 8GB DDR4
  • SSD จาก SanDisk รุ่น SD8SN8U512G1002 ขนาด 512GB (ไดรฟ์ C:\ เห็น 475GB)
  • หน้าจอแบบด้าน ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 มีขอบเขตของสี (color gamut) 100% sRGB
  • ลำโพงสเตอริโอ แปะตรา Harman/Kardon
  • Windows 10 Single Language
  • น้ำหนัก 1.25 กิโลกรัม หนา 1.59 เซนติเมตร

จุดเด่นข้อหนึ่งของ ZenBook UX430UQ คือเป็นแล็ปท็อปขนาด 14 นิ้วในร่าง 13 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะ ขนาดกำลังน่าพก ส่วนฝาหลังเป็นพลาสติกแบบเงา เก็บรอยนิ้วมือและสะท้อนแสงได้ดีมาก (นี่ข้อเสียนะ) ไม่แน่ใจว่าใช้ไปนานๆ แล้วจะมีรอยขนแมวมากน้อยแค่ไหน


คีย์บอร์ดเป็นแบบ full-size มีไฟส่องด้านใต้ ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ (ปิด และเปิด 3 ระดับ) วางปุ่มแบบ chiclet การจัดเรียงปุ่มไม่มีอะไรแปลกประหลาด ตามสเปกระบุว่าระยะ key travel อยู่ที่ 1.4 มม. ซึ่งส่วนตัวผมว่าตื้นไปหน่อย แต่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าอยากใช้แล็ปท็อปแบบบางๆ ความรู้สึกตอนพิมพ์ไม่ค่อยหนักแน่น (firm) กดแล้วรู้สึกหลวมๆ ไปนิด เมื่อเทียบกับ Dell Latitude E7440 และ Lenovo ThinkPad X260 ที่ใช้อยู่

ส่วนปุ่ม Page Up, Page Down, Home, End ถูกย้ายไปรวมกับปุ่มลูกศร ซึ่งโปรแกรมเมอร์คงไม่ชอบใจนัก เพราะต้องกด Fn ก่อน


จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ ZenBook UX430UQ คือใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบทาบนิ้วเหมือนในสมาร์ทโฟน ไม่ต้องรูดนิ้วลงแบบแล็ปท็อปรุ่นเก่าๆ ผมลองแล้วทำงานเร็วมาก เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ปลดล็อกเข้าสู่หน้า desktop เลย ถือว่าสะดวกมาก

ส่วนทัชแพดก็ใช้งานได้ดี การลากนิ้วไม่มีหน่วง เคอร์เซอร์ติดนิ้วดีมาก คิดว่าเนียนได้พอๆ กับ MacBook แล้ว แต่ความลื่นของพื้นผิวยังลื่นไม่เท่า หากนิ้วมีน้ำมันก็จะติดๆ หน่อย


ส่วนหน้าจอขอบบาง ความละเอียด Full HD ให้สีที่ดูนุ่มนวล มุมมองกว้าง สีไม่ผิดเพี้ยนเวลามองจากมุมเอียงๆ


ใต้คีย์บอร์ดของ ZenBook UX430UQ มีโลโก้ Harman/Kardon แปะอยู่ ผมลองทดสอบดูหนังฟังเพลง พบว่าเสียงดีพอตัวเลยทีเดียว เปิดดังสุดก็ค่อนข้างดังมาก มีอาการลำโพงแตกนิดๆ เบสน้อยไปหน่อย ถือว่าเสียงดีสำหรับลำโพงแล็ปท็อป


ด้านซ้ายของเครื่องมีรูเสียบสายชาร์จ, พอร์ต USB 3.1 ขนาดเต็ม, Micro HDMI, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB 3.1 Type C


ผมไม่ทราบว่าพอร์ต USB Type C จ่ายไฟเท่าใด แต่ทดลองเสียบ Google Pixel เข้าไป พบว่าหน้าจอแสดงผลว่า Charging rapidly


ส่วนด้านขวาของเครื่องมีไฟ Power, ไฟแสดงสถานะการชาร์จ, ช่องเสียบการ์ด SD (เสียบแล้วท้ายการ์ดโผล่ออกมาเกินครึ่ง) และ USB 2.0 ขนาดเต็ม (ใช่ครับ ยังมี USB 2.0 อยู่อีก)


สุดท้ายในกล่องยังมีซองใส่โน้ตบุ๊กมาให้ด้วย แต่ในเว็บไซต์เขียนว่า Optional เลยไม่แน่ใจว่าตัววางขายจริงจะมีให้ด้วยหรือไม่

 

ประสิทธิภาพ


หลังสำรวจรอบๆ เครื่องไปแล้วก็มาดูด้านประสิทธิภาพกันบ้าง ผมได้ทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องด้วยโปรแกรม PCMark 8 Advanced Editon และ 3DMark

ในส่วนของ PCMark ได้ทดสอบมา 3 ชุดการทดสอบ แบบ Accelerated (เปิดใช้ OpenCL) ดังนี้

Creative Accelerated เป็นชุดการทดสอบที่โฟกัสด้านการทำงานแบบมืออาชีพ เช่นการตัดต่อรูปและวิดีโอ, วิดีโอแชท และมีการเล่นเกมนิดหน่อย ทำคะแนนได้ที่ 4,379 คะแนน

เข้าไปดูรายละเอียดคะแนนได้ที่ http://www.3dmark.com/pcm8/21386318


Storage ทดสอบความเร็วในการเขียน/อ่านข้อมูลของไดรฟ์ ได้ 4,897 คะแนน
เข้าไปดูรายละเอียดคะแนนได้ที่ http://www.3dmark.com/pcm8/21386357


Home Accelerated (Battery life) เป็นการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่บนการใช้งานทั่วไป (หนักสุดน่าจะเป็นการเล่นเกมแบบไม่หนักมาก หรือ casual gaming) โดยผมเริ่มที่แบตเตอรี่ 100% แล้วชักปลั๊กออกตอนกดปุ่มเริ่มการทดสอบ รวมถึงตั้ง Power plan ของ Windows ไว้ที่ Balanced ความสว่างหน้าจอ 50% เปิดจอตลอดเวลา

การทดสอบหยุดเองเมื่อแบตเตอรี่ลดเหลือ 30% โดย ZenBook UX430UQ ทำเวลาออกมาได้ที่ 3 ชั่วโมง 53 นาที จึงอาจอนุมานได้ว่าหากไม่มีการเล่นเกมและการแต่งภาพ อาจใช้งานติดต่อกันได้ราว 5-6 ชั่วโมง (บนเว็บไซต์ของ ASUS เคลมว่าใช้ได้ 9 ชั่วโมง)

เข้าไปดูรายละเอียดคะแนนได้ที่ http://www.3dmark.com/pcm8/21386381


มาดูฝั่ง 3DMark กันบ้าง ผมทดสอบมาสองอันคือชุดทดสอบ Time Spy และ Sky Diver

อันแรก Time Spy ซึ่งซอฟต์แวร์บอกว่าเหมาะกับเครื่องนี้มากที่สุด ทำคะแนนได้ 517 คะแนน

เข้าไปดูรายละเอียดคะแนนได้ที่ http://www.3dmark.com/spy/2066811 


ต่อมาได้ลองทดสอบชุด Sky Diver ได้ 5,330 คะแนน ความร้อนเฉลี่ยของ CPU อยูู่ที่ 60-70 องศาเซลเซียส ส่วนของการ์ดจออยู่ที่ 75-80 องศาเซลเซียส

เข้าไปดูรายละเอียดคะแนนได้ที่ http://www.3dmark.com/3dm/21386629 


ผมยังได้ทดสอบความเร็วในการเขียน-อ่าน SSD ด้วยซอฟต์แวร์อีกสองตัว คือ AS SSD และ CrystalDiskMark ด้วย ซึ่งถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตามนี้


จากนั้นก็ลองเล่นเกมจริงๆ กันบ้าง โดยผมได้ลองเล่น Battlefield 4 ในแผนที่ Golmud Railway ซึ่งเกมได้ตั้งค่ากราฟิกให้ที่ Medium ความละเอียด 1920 x 1080 พบว่ายังไม่ค่อยลื่นนัก ผมไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์แสดงผลเฟรมเรต แต่น่าจะอยู่ที่ราว 20-25 เฟรมต่อวินาทีครับ หากปรับ Low ถึงจะเล่นได้ลื่นเลย

 

ซอฟต์แวร์ที่ติดมากับเครื่อง


อีกหนึ่งประเด็นที่เป็นปัญหาเรื้อรังกับผู้ใช้มายาวนาน คือซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตใส่มากับเครื่องจากโรงงาน หรือ Bloatware นั่นเอง ซึ่ง bloatware ในเครื่องรุ่นนี้มีไม่มากนัก เท่าที่เห็นหลักๆ มี 2 ตัว คือ
  • ASUS Giftbox เป็นซอฟต์แวร์แนะนำให้เราติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวอื่น
  • McAfee แอนตี้ไวรัสเวอร์ชันทดลอง 30 วัน
ผมพบว่า McAfee ทำตัวเรียกร้องความสนใจมากถึงมากที่สุด ระหว่างการใช้งานจะเด้งข้อความขึ้นมาให้เราซื้อไลเซนส์บ่อยครั้ง รวมถึงพยายามแจ้งเตือนสแกนไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา เพื่อบอกว่าฉันทำงานอยู่นะ ซึ่งปกติพวกนี้แอนตี้ไวรัสเจ้าอื่นก็ทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว


ASUS ควรพิจารณาการบันเดิล McAfee มาในเครื่อง เนื่องจากสร้างความรำคาญมากครับ

อย่างไรก็ตาม ใน Windows 10 Creators Update ได้มีฟีเจอร์ Fresh Start ที่จะติดตั้ง Windows ให้เราใหม่อัตโนมัติ พร้อมเคลียร์ซอฟต์แวร์ที่ติดมากับเครื่องทิ้งทั้งหมด แต่ยังเก็บไฟล์ส่วนตัวบางอย่างให้อยู่ ผมลองแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก bloatware หายเรียบ แถมเราก็ไม่ต้องยุ่งยากเสียเวลาติดตั้ง Windows ใหม่เองเหมือนในอดีต


สรุป

ASUS ZenBook UX430UQ เป็นอัลตร้าบุ๊กที่ใช้งานได้ดีมากตัวหนึ่ง ไม่พบอาการอะไรแปลกๆ หรือปัญหาอะไร คีย์บอร์ดน่าจะทำได้ดีกว่านี้ (อันนี้แล้วแต่คน) หน้าจอแสดงผลสวยตามคำโฆษณา จะมีสิ่งที่สร้างความรำคาญอย่าง McAfee เท่านั้น ตัวเครื่องไม่กรอบแกรบ น้ำหนักเบาพกพาสะดวก ลำโพงเสียงดีมาก จำหน่ายที่ราคา 41,990 บาท

ข้อดี
  • บางเบา พกสะดวก
  • ตัวสแกนลายนิ้วมือทำงานเร็วมาก สะดวกกว่าแบบรูด
  • จอด้าน แสดงผลสวยงาม
  • ประสิทธิภาพอยู่ในระดับดี
  • ลำโพงเสียงดี
ข้อเสีย
  • ปุ่มคีย์บอร์ดตื้น
  • ฝาหลังแบบเงา น่าจะเป็นรอยง่าย
  • McAfee สร้างความรำคาญ
  • ใส่ USB 2.0 มาทำไมไม่รู้
  • อะแดปเตอร์เป็นแบบก้อนเสียบติดกับปลั๊ก ไม่ practical แถมขาปลั๊กพับไม่ได้ด้วย

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

มาตรฐาน USB 3.2 เพิ่มอัตราส่งข้อมูลเป็นสองเท่า ที่ 10 Gbps แบบ 2 เลน

กลุ่ม USB 3.0 Promoter Group ที่มีสมาชิกอย่างแอปเปิล ไมโครซอฟท์ อินเทล ฯลฯ เตรียมออกสเปกของ USB 3.2 ที่พัฒนาต่อจาก USB 3.1

ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ ส่งข้อมูลได้แบบ multi-lane ในสายเคเบิลเส้นเดียว รองรับการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 10Gbps x2 เลน (สายเคเบิล USB-C รองรับอยู่แล้ว แต่มาตรฐานการส่งข้อมูลที่ต้นทาง-ปลายทาง ยังไม่รองรับจนกระทั่งเวอร์ชันนี้)

การส่งข้อมูลที่ 10Gbps จำเป็นต้องให้อุปกรณ์ทั้งสองฝั่งเป็น USB 3.2 และใช้สายเคเบิล USB-C ที่ผ่านการรับรอง SuperSpeed USB 10 Gbps ซึ่งเริ่มใช้ใน USB 3.1 Gen 2

เอกสารสเปก USB 3.2 จะเผยแพร่ต่อสาธารณะในงานประชุม USB Developer Days North America ในเดือนกันยายนนี้

ที่มา: Blognone

Facebook Messenger Platform ออกเวอร์ชัน 2.1 เพิ่มความสามารถ NLP ให้กับบ็อต

Facebook เปิดตัว Messenger Platform เวอร์ชัน 2.0 ในงาน f8 เมื่อเดือนเมษายน เพื่อเปิดให้องค์กรภายนอกเข้ามาเชื่อมต่อระบบกับ Messenger ผ่านแชทบ็อตได้


ล่าสุด Facebook ออก Messenger Platform เวอร์ชัน 2.1 ที่มีความสามารถมากขึ้นดังนี้
  • เพิ่มระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) มาให้ในตัว (ก่อนหน้านี้ต้องทำเอง) มันสามารถแยกแยะคำง่ายๆ อย่าง hello, bye, thanks, ตัวเลขที่เป็นวันเวลา หมายเลขโทรศัพท์ ค่าเงิน รวมถึงชื่อสถานที่ได้
  • ระบบโอนถ่ายการแชท (handover) จากการคุยกับบ็อต ไปเป็นคุยกับคนแทน สำหรับการตอบคำถามลูกค้าที่ใช้บ็อตคุยไปก่อน แต่ถ้าต้องการอะไรที่ซับซ้อนก็เปลี่ยนมาเป็นใช้คนคุย
  • ปรับปรุงกระบวนการจ่ายเงินซื้อสินค้าผ่านการแชทให้ง่ายขึ้น กดปุ่ม Buy Now แล้วตัดบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับ Facebook ได้ทันที แต่การจ่ายเงินยังใช้ได้เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น
  • เพิ่มชนิดของปุ่ม Call to Action ในเพจของแบรนด์ สำหรับกดเพื่อคุยกับบ็อตใน Messenger ให้หลากหลายขึ้น ได้แก่ Shop Now, Get Support, Get Updates, Play Now, Get Started

ที่มา: Blognone

SAP เตรียมหยุดให้บริการ SAP HANA Developer Edition

SAP เตรียมยุติการให้บริการ SAP HANA Developer Edition ในวันที่ 15 กัันยายน 2017 โดยอินสแตนท์เดิมทั้งหมดจะยังคงใช้งานต่อได้แต่ทาง SAP จะไม่เปิดให้สร้างอินสแตนท์ใหม่แล้ว

SAP HANA Developer Edition เป็นเวอร์ชั่นที่เปิดให้นักพัฒนาได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาและทดลองพัฒนาแอพพลิเคชันบน SAP HANA โดยหลังจากนี้ทาง SAP แนะนำให้นักพัฒนาเปลี่ยนไปใช้งาน SAP HANA express edition (HXE) แทน ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งผ่าน SAP Cloud Platform ที่เป็นระบบเว็บ บนคลาวด์ของ Azure, AWS หรือ Google Cloud Platform รวมถึงเวอร์ชันสำหรับดาวน์โหลดมาติดตั้งบนเครื่อง


ที่มา: Blognone