วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มาตรฐาน HTML 5.0 เสร็จสมบูรณ์, ก้าวสู่ยุคของ HTML 5.1

การเดินทางอันยาวนานของ HTML5 นับสิบปี ตั้งแต่การฟอร์มทีมร่างมาตรฐาน WHATWG ในปี 2004 ก็มาถึง "ก้าวแรก" เมื่อองค์กรกำกับมาตรฐานเว็บ W3C ประกาศรับรองมาตรฐาน HTML 5.0 อย่างเป็นทางการ (มีสถานะเป็น "Recommendation")

ฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ HTML5 ก็เป็นไปตามที่ Blognone เสนอข่าวมาโดยตลอด (และทุกวันนี้เราก็ใช้กันเยอะแล้วเพราะเบราว์เซอร์รองรับกันก่อนเป็นมาตรฐาน) เช่น <audio>/<video>, Canvas, SVG, MathML เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม HTML5 ยังถือว่าไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะนโยบายใหม่ของ W3C จะมองมาตรฐาน HTML5 เป็นเวอร์ชันย่อยๆ ที่พัฒนาไปเรื่อยๆ (แบบ Chrome/Firefox) โดยตอนนี้มาตรฐาน HTML 5.1 เริ่มเข้าสถานะ Nightly แล้ว และมีกำหนดออกรุ่นจริงในปี 2016

Jeff Jaffe ซีอีโอของ W3C แสดงวิสัยทัศน์ผ่านบล็อกของ W3C ว่าตอนนี้พื้นฐานของเว็บยุคใหม่เสร็จสิ้นแล้วใน HTML5 งานขั้นต่อไปจะเรียกว่า "Application Foundations" หรือการวางพื้นฐานสำหรับการสร้างแอพพลิเคชั่นด้วยเทคโนโลยีเปิดของเว็บ (Open Web Platform) ที่แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มย่อยๆ
  • Security and Privacy เช่น Crypto API
  • Core Web Design and Development เช่น Web Components
  • Device Interaction เช่น การรองรับฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์บนมือถือ (GPS/NFC/Bluetooth)
  • Application Lifecycle เช่น Web Workers
  • Media and Real-Time Communications เช่น WebRTC
  • Performance and Tuning เช่น ปรับปรุง garbage collection, framerate
  • Usability and Accessibility
  • Services เช่น payment, semantic web, social

ที่มา: Blognone

พบบั๊ก POODLE ช่องโหว่ร้ายแรงใน SSL 3.0 กระทบการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยของเบราว์เซอร์

กูเกิลประกาศค้นพบบั๊กร้ายแรงในสเปกของโพรโทคอล SSL เวอร์ชัน 3.0 ที่ส่งผลให้การเชื่อมต่อ SSL อาจถูกเจาะและไม่ปลอดภัยอย่างที่แล้วๆ มา โดยกูเกิลให้ชื่อบั๊กนี้ว่า POODLE

SSL หรือ Secure Socket Layer เป็นโพรโทคอลความปลอดภัยที่ถูกสร้างโดย Netscape ในปี 1995 และ SSL 3.0 เป็นมาตรฐานเก่าที่ออกตั้งแต่ปี 1996 (เกือบ 20 ปีแล้ว) หลังจากนั้นมาตรฐานถูกเปลี่ยนชื่อเป็น TLS (Transport Layer Security) เวอร์ชันล่าสุดคือ 1.2 ออกเมื่อปี 2008 อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปยังนิยมเรียกกันติดปากกว่า SSL อยู่ (และหลายคนเข้าใจผิดว่า SSL 3.0 ใหม่กว่า TLS 1.2)

บั๊ก POODLE มีผลเฉพาะกับ SSL 3.0 ที่เก่ามากแล้ว แต่เว็บเบราว์เซอร์ยังรองรับและเว็บเซิร์ฟเวอร์ยังใช้งานกันอยู่บ้าง (สถิติของ Mozilla บอกว่า 0.3% ของการสื่อสารที่ปลอดภัยทั้งหมด) ที่สำคัญคือเบราว์เซอร์จะทดลองสื่อสารด้วย TLS เวอร์ชันใหม่ก่อน ถ้าหากไม่พบก็จะถอยเวอร์ชันลงไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายเพราะแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่ POODLE ของ SSL 3.0 โดยที่เราไม่รู้ตัว

ทางแก้ไขเบื้องต้นคือให้เบราว์เซอร์หรือเซิร์ฟเวอร์รองรับฟีเจอร์ TLS_FALLBACK_SCSV หรือ TLS Fallback Signaling Cipher Suite Value ซึ่งจะช่วยป้องกันการดาวน์เกรดโพรโทคอล TLS/SSL เพื่อลดโอกาสถูกโจมตี กูเกิลบอกว่า Chrome และเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองรองรับฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว และวันนี้กูเกิลจะลองปิดการดาวน์เกรดเป็น SSL 3.0 กับ Chrome ส่วนในอนาคตจะเลิกสนับสนุน SSL 3.0 อย่างถาวร

ฝั่งของ Firefox ออกมาบอกว่าจะปิด SSL 3.0 ใน Firefox 34 ที่จะออกช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และ Firefox 35 จะรองรับฟีเจอร์ TLS_FALLBACK_SCSV ตามมา

การปิด SSL 3.0 อาจส่งผลกระทบให้เว็บไซต์บางแห่งใช้งานไม่ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลระบบที่ต้องแก้ไขเรื่องเวอร์ชันของ SSL (งานนี้แพตช์ปิดรูรั่วไม่ได้นะครับเพราะเป็นบั๊กของโพรโทคอล SSL 3.0 ไม่ใช่บั๊กของตัวซอฟต์แวร์ ต้องปิด SSL 3.0 อย่างเดียว) รายละเอียดอ่านได้จาก เอกสารของ Mozilla 

ผู้ใช้กลุ่มที่มีปัญหาที่สุดคือ Windows XP ที่ยังใช้งาน IE6 เพราะรองรับแค่ SSL 3.0 เท่านั้น การปิด SSL 3.0 ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ย่อมกระทบผู้ใช้กลุ่มนี้ และเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องพิจารณากันเองว่าสมควรปิด SSL 3.0 หรือไม่

วิธีปิด SSL 3.0

สำหรับผู้ใช้ที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและไม่ต้องการรอแพตช์ สามารถปิดการทำงานของ SSL 3.0 ได้เอง
  • Firefox เข้าไปที่ about:config แล้วเปลี่ยนค่า security.tls.version.min เป็น 1
  • อีกทางเลือกหนึ่งของ Firefox คือใช้ส่วนขยายชื่อ SSL Version Control
  • Chrome ให้รันด้วยพารามีเตอร์ --ssl-version-min=tls1 ต่อท้าย
  • IE เข้าไปที่ Internet Options > Advanced > Security > เอาตัวเลือก Use SSL 3.0 ออก
  • Windows และ Windows Server ให้ปรับค่าใน Group Policy - วิธีการ
ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Apple เอาอย่าง Facebook ช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากการเก็บรักษาไข่ให้พนักงานหญิง

เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมของปีหน้าเป็นต้นไป Apple จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่บรรดาพนักงานสาวของบริษัท โดย Apple จะช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดจากการเก็บรักษาไข่ของพวกเธอไว้ด้วยการแช่แข็ง ทั้งนี้ Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่มีนโยบายเอาใจพนักงานหญิงขององค์กรแบบนี้ เพราะ Facebook ได้เริ่มทำมาก่อนตั้งแต่เดือนมกราคมของปีนี้


แรกเริ่มเดิมทีนั้น การเก็บรักษาไข่ของผู้หญิงนั้นมีขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีโอกาสได้มีทายาทสืบสกุล และช่วยเหลือผู้ที่มีบุตรยาก แต่ในปัจจุบันนี้ สตรีทั่วไปที่มิใช่ผู้ป่วยก็สามารถเลือกเก็บรักษาไข่ของตนเองไว้เพื่อทำการปฏิสนธิในภายหลังเมื่อบุคคลผู้นั้นมีความพร้อมที่จะมีบุตร

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเก็บเอาไข่มาแช่แข็งจำนวน 10 ฟองนั้นอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์ และการเก็บรักษาไข่จำนวนดังกล่าวนั้นมีค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ 500 ดอลลาร์ ซึ่งทั้ง Apple และ Facebook นั้นพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้แก่บรรดาพนักงานหญิงของบริษัทสูงสุดถึงรายละ 20,000 ดอลลาร์ (เรียกว่าเก็บไข่ 10 ฟองได้นาน 20 ปีเลยทีเดียว)

นโยบายนี้ของทั้ง 2 บริษัทนั้น มีขึ้นก็เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงานหญิงในองค์กรตัดสินใจทำงานให้บริษัทอย่างต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเธออาจจะเข้าสู่วัยที่เริ่มมีบุตรยาก อันหมายถึงช่วงวัย 30 ตอนปลาย หรือ 40 ตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พนักงานส่วนใหญ่กำลังเติบโตในหน้าที่การงานนั่นเอง

ที่มา: Blognone

ปี 2050 จะมีลิฟท์ไปถึงอวกาศ … ?

การเดินทางสู่อวกาศอาจเป็นเรื่องในฝันสำหรับใครหลายๆ คน ซึ่งปัจจุบันการเดินทางจำเป็นต้องพึ่งพากระสวยอวกาศเพื่อพาเราไปยังห้วงอวกาศ แต่ในปี 2050 ลิฟท์อาจเป็นเครื่องขนส่งที่พาเราไปสู่อวกาศได้โดยง่าย


โครงการล่าสุดจาก “โอบายาชิ” (Obayashi) บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเตรียมสร้างลิฟท์อวกาศ ที่มีความสูงถึง 96,000 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางขึ้นสู่อวกาศแทนที่การขนส่งด้วยจรวดหรือกระสวยอวกาศ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีราคาแพงและมีความเสี่ยงสูง ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นทางโอบายาชิได้ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว ABC ว่า การโดยสารลิฟต์อวกาศอยู่ที่คนละประมาณ 200 เหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าการเดินทางด้วยกระสวยอวกาศที่มีต้นทุนประมาณ 22,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกิโลกรัม โดยในการขนส่งมนุษย์ไปสู่สถานีอวกาศสามารถบรรจุได้ถึง 30 คนในครั้งเดียว สำหรับการเดินทางเที่ยวละ 7 วัน

แต่ทั้งนี้ทางโอบายาชิยอมรับว่าการพัฒนาท่อขนส่ง รวมถึงสายเคเบิลจะต้องมีความทนทางสูง โดยขณะนี้บริษัทกำลังวัสดุที่เรียกว่าคาร์บอน นาโนเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตในจำนวนมหาศาลและพร้อมใช้งานอาจเกิดขึ้นราวๆ ปี 2030

ที่มา: ARiP

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

LINE เพิ่มฟีเจอร์ Hidden Chat ลบข้อความอัตโนมัติเมื่อหมดเวลา

ดูเหมือนว่า Beetalk ซึ่งมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง Whisper Mode ซึ่งข้อความที่ส่งจะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไปตามที่กำหนด จะเจอคู่แข่งรายสำคัญแล้ว เมื่อ LINE เพิ่มฟีเจอร์ Hidden Chat

คุณสมบัติพื้นฐานของฟีเจอร์ดังกล่าวคือ เมื่อเราเข้าไปในหน้า Chat กับเพื่อนตามปกติแล้ว เมื่อกดที่ชื่อเพื่อนด้านบน จะมีเมนู Hidden Chat ขึ้นมาให้เลือก (นอกเหนือจาก Free Call และ Video Call) ซึ่งเมื่อกดที่เมนูดังกล่าว จะเป็นการสร้างห้องแชทแยกออกมาจากห้องแชทปกติ ในห้อง Hidden Chat นี้ ข้อความที่ถูกส่งไปและเปิดอ่านแล้วจะถูกลบภายในระยะเวลาที่กำหนด (มีเมนูให้เลือกในห้องนั้นๆ) โดยห้องแชทที่เป็น Hidden Chat จะมีสัญลักษณ์แม่กุญแจขึ้นมาบนรูป Display Picture ของเพื่อนคนนั้นๆ
 
ทั้งนี้ คู่สนทนาต้องใช้แอพรุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ทั้งสองฝ่ายจึงจะใช้งานได้ เบื้องต้นตอนนี้เจอเฉพาะแอพรุ่น 4.5.3 บน Android ครับ

ที่มา: Blognone

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Visa Checkout บริการใหม่ที่ไม่ต้องกรอกเลขบัตรเครดิตทุกครั้งเวลาซื้อของผ่านเน็ต

Visa เปิดบริการใหม่ Visa Checkout ระบบจ่ายเงินออนไลน์ (ลักษณะเดียวกับ PayPal) ที่ช่วยให้เราจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น


Visa บอกว่ากระบวนการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตบนเว็บยังยุ่งยากเกินไป (ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตทุกครั้ง) Visa จึงร่วมมือกับคู่ค้าและสถาบันการเงินต่างๆ ทำระบบ Visa Checkout ที่ช่วยเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของเราไว้บนเว็บไซต์ของ Visa เอง กรอกข้อมูลบัตรเพียงครั้งเดียว จากนั้นเมื่อพบร้านค้าที่มีโลโก้ Visa Checkout ก็กดที่ปุ่มนั้นเพื่อล็อกอินเข้าระบบของ Visa และจ่ายเงินได้ทันที (ข้อมูลทุกอย่างเก็บอยู่ที่ Visa ไม่ได้เก็บที่เว็บไซต์ของผู้ขาย)

ในเบื้องต้น Visa Checkout จะเปิดบริการในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย โดย Visa แสวงหาความร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐอย่าง Newegg, Ticketmaster, Pizza Hut, Staples, United Airline เพื่อเพิ่มปุ่ม Visa Checkout ในหน้าร้านออนไลน์ของบริษัทเหล่านี้แล้ว และบริษัทยังเปิด SDK ให้ห้างร้านหรือผู้พัฒนาแอพรายอื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มการจ่ายเงินด้วย Visa Checkout นำไปใส่ในเว็บหรือแอพของตัวเอง

Visa บอกว่าลูกค้าไม่ต้องการระบบ e-wallet ที่ยุ่งยาก แต่ต้องการเพียงการจ่ายเงินด้วยบัตรของตัวเองให้ง่ายและเร็วเท่านั้นเอง บริษัทจึงออกแบบ Visa Checkout ให้ตอบโจทย์ความต้องการนี้ โดยยังรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่เช่นเดิม

ที่มา: Blognone

Google จะเริ่มบอกว่าเว็บไหนใช้ Flash ในหน้าเว็บค้นหาบน iOS และ Android

วันนี้ Google ประกาศผ่าน Google Webmaster Central Blog ว่าทางบริษัทได้ปรับอัลกอริทึมการค้นหา โดยจะกรองเว็บที่เปิดไม่ได้บนอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น เว็บที่ใช้ Flash จะไม่แสดงข้อมูลในหน้าผลการค้นหาของ iOS หรือ Android เวอร์ชัน 4.1 ขึ้นไป โดยจะแสดงเป็น "Use Flash. May not work on your device." เพื่อผู้ใช้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์และพบกับหน้าสีขาว พร้อมเครื่องหมายคำถามซึ่งหมายความว่าดูไม่ได้


นอกจากนี้ Google ยังแนะนำให้นักพัฒนาศึกษาการทำเว็บยุคใหม่ด้วย โดยผู้สนใจสามารถศึกษาได้จาก Web Fundamentals หรือ Web Starter Kit 

ที่มา: Blognone

LG โชว์ของเด็ด ! หน้าจอ OLED โค้งงอ ยืดหยุ่นได้ ความละเอียดสูง

LG นับเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาหน้าจอแสดงผลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหน้าจอที่เรียกว่า “OLED” ที่มีลักษณะโค้งงอ ยืดหยุ่นได้


ล่าสุด LG เปิดตัวหน้าจอ OLED ขนาด 18 นิ้ว ที่มีความโค้งงอ ยืดหยุ่นสูงมากกว่าหน้าจอที่ LG เคยผลิตมา มีความละเอียดของภาพที่ 1200 x 810 พิกเซล สามารถม้วนงอได้เล็กสูงสุด 3 เซนติเมตร โดยไม่กระทบต่อการแสดงผลของภาพแต่อย่างใด ซึ่ง LG มั่นใจว่าเทคโนโลยี OLED ดังกล่าวจะสามารถสร้างความสำเร็จจนนำไปต่อยอดสู่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทีวีแบบใหม่หน้าจอโค้ง ขนาด 50 นิ้วได้ในอนาคตอันใกล้นี้


ขณะเดียวกัน LG ยังเปิดตัวหน้าจอชนิดใหม่ มีลักษณะโปร่งแสง ใช้เทคนิคการเพิ่มอัตราการส่งผ่านแสง หรือ light transmittance มากขึ้นเป็น 30% มากกว่าหน้าจอรุ่นก่อนที่มีอัตราการส่งผ่านแสงอยู่ที่ 10% เท่านั้น

ทั้งนี้ LG เชื่อมั่นว่าภายในปี 2017 จะสามารถผลิตหน้าจอทั้งสองชนิดได้ พร้อมมีการแสดงผลอยู่ในระดับ HD บนหน้าจอขนาด 60 นิ้วขึ้นไป

ที่มา: ARiP

เผยสาเหตุ Facebook ล่ม


หลังจากที่เมื่อวาน Facebook ล่มกันทั่วหน้าทุกประเทศ ล่าสุดทาง Facebook ก็ได้ออกมาแถลงถึงสาเหตุแล้ว โดยทาง Facebook ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TechCrunch ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการอัพเดตคอนฟิกในระบบซอฟต์แวร์ผิดพลาด

ทาง Facebook เอง ก็รีบแก้ไขปัญหาทำให้ Facebook สามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติหลังจากเกิดเหตุในเวลา 30 นาที ซึ่ง Facebook ก็ยืนยันว่าต่อไปจะใส่ใจกับปัญหานี้มากขึ้น และพยายามจะให้เกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

ที่มา: i3.in.th

Nok Air เตรียมให้บริการ Wi-Fi เป็นรายที่สอง

หลังจากที่สายการบิน การบินไทย ได้เปิดให้บริการ Wi-Fi บนเที่ยวบินไปแล้ว ล่าสุด Nok Air ก็เป็นสายการบินที่สอง ที่ได้ใบอนุญาตให้บริการ Wi-Fi บนสายการบินจาก กสทช. ทั้งนี้ใบอนุญาตที่ได้มีระยะเวลา 5 ปี โดยความถี่ที่ให้บริการ Wi-Fi บนเครื่องบินคือ ความถี่ย่าน 2.4 GHz


หลังจากได้รับใบอนุญาตแล้ว สายการบิน Nok Air จะต้องเลือกผู้ให้บริการ Wi-Fi โดยปัจจุบันมีผู้ให้บริการอยู่ 2 รายทั่วโลก คือ แอร์โรว์ โมบายล์ ประเทศอังกฤษ และออนแอร์ ของสวิตเซอร์แลนด์ สำหรับใครที่อยากใช้ Wi-Fi บนเครื่อง แต่สู้ค่าตั๋วการบินไทยไม่ไหว ก็ลองติดตามดูอัตราค่าให้บริการของทาง Nok Air เขาดู

ที่มา: i3.in.th

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Mini Hug แอพฯ ที่คิดค้นโดยเด็กอายุ 7 ขวบ!

ในปัจจุบัน เด็กๆ ที่ให้ความสนใจในการพัฒนาแอพฯ บนมือถือ เริ่มมีอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ อย่างเมื่อไม่นานมานี้ เด็กอัจฉริยะวัย 14 ปีที่ชื่อ แดเนียล สามารถทำเงินได้กว่า US $ 200,000 (6,513,849 บาท) จากธุรกิจรับโค้ดรหัสเล็กๆ ของเขา เด็กในเอเชียก็ไม่น้อยหน้า เมื่อเด็กหญิงอายุ 7 ขวบนามว่า Lia ได้ร่วมคิดค้นแอพฯ กับพ่อของเธอ ซึ่งเป็นซีอีโอของบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นมือถือที่มีชื่อว่า Bitsmedia สร้างแอพฯ ชื่อ Mini Hug ขึ้น


ซึ่งเจ้าแอพฯ Mini Hug ที่ว่านี้ ก็มีแนวคิดเพื่อช่วยคุณพ่อคุณแม่ที่งานยุ่งไม่มีเวลาให้ลูก ได้มีตัวช่วยเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว


การทำงานก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นแอพฯ ที่ชวนสร้างโอกาส และเชื่อมสัมพันธ์ให้มีการติดต่อกันผ่านทางสมาร์ทโฟนนั้นเอง

ที่มา: ARiP

PayPal เตรียมรองรับ Touch ID ในระบบจ่ายเงินมือถือ

ถึงแม้ Apple จะนำระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID มาใช้กับ iPhone 5s เป็นครั้งแรก แต่ iOS 7 ก็ยังอนุญาตให้ทำแค่สแกนเพื่อปลดล็อคและใช้กับ App Store หรือ iTunes Store เท่านั้น ไม่ยอมให้แอพอื่นใช้ แต่ในงาน WWDC 2014 นั้น Apple ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิด Touch ID API ให้ใช้ใน iOS 8


เจ้าแห่งการจ่ายเงินมือถืออย่าง PayPal ก็ไม่อยู่นิ่ง เตรียมใช้ Touch ID กับแอพจ่ายเงินของตัวเองทันที โดยแหล่งข่าวของ PayPal กล่าวกับ Business Insider ว่า ในงาน WWDC 2014 ทีมนักพัฒนาของ PayPal ได้เข้าฟังการบรรยายส่วน Touch ID เพื่อเตรียมพร้อมการทำแอพให้รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ

การเปิด Touch ID API ให้แอพภายนอกใช้ น่าจะทำให้การสแกนลายนิ้วมือถูกใช้อย่างกว้างขวางในแอพจ่ายเงิน แต่ Apple ก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ส่งข้อมูลลายนิ้วมือให้ และจะเก็บไว้กับชิพ A7 ภายในเครื่องเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ PayPal ได้ออกแอพจ่ายเงินรองรับการรูดนิ้วบน Galaxy S5 ไปแล้ว

ที่มา: Blognone

รู้จัก OS X 10.10 Yosemite ปรับอินเตอร์เฟซ แอพพลิเคชัน เน้นการใช้งานที่ต่อเนื่อง

ความสำเร็จของการเปิดตัว OS X 10.9 Mavericks เมื่อปี 2013 จึงไม่น่าแปลกใจที่ Apple จะสานต่อด้วย OS X 10.10 Yosemite พร้อมแนวคิดที่เน้นการปรับอินเตอร์เฟซ แอพพลิเคชัน และเน้นการใช้งานที่ต่อเนื่อง


OS X 10.10 Yosemite ปรับอินเตอร์เฟซด้วยคอนเซปต์ Flat Design เช่นเดียวกับ iOS 7 มีลักษณะโปร่งแสง สามารถเปลี่ยนไปใช้ Dark Mode ที่ทำให้เมนูย่อยเป็นกลายเป็นสีดำโปร่งแสง มีความชัดเจนในการเรียกใช้งาน อีกสิ่งที่บ่งบอกถึงการปรับอินเตอร์เฟซให้ละม้ายคล้ายคลึง iOS 7 คือ ฟอนต์ ที่หันมาใช้ Helvetica Neue แทบทั้งหมด


ตัวเลือกในการใช้งาน OS X 10.10 Yosemite ปรับ Notification Center ให้มีมุมมองสำหรับการเรียกดูปฏิทิน การแจ้งเตือนต่างๆ สภาพอากาศ และอื่นๆ ให้ดีขึ้น และฟังก์ชันการค้นหาหรือ Spotlight ได้รับการออกแบบใหม่ แสดงหน้าต่างได้ใหญ่ขึ้นเพื่อการค้นหาที่ง่ายยิ่งขึ้น สามารถแปลงค่าเงินต่างๆ ได้ รวมถึงการค้นหาแผนที่และภาพยนตร์

คุณสมบัติใหม่ต่อมาเรียกว่า iCloud Drive บริการจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาว์ด สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Mac หรือ Windows


MailDrop อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่ ซึ่ง Apple จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ ให้สามารถแนบไฟล์ขนาดใหญ่สูงสุด 5GB ซึ่งจะมี iCloud ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการโอนไฟล์ข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกันในฟังก์ชันอีเมล์ ผู้ใช้สามารถทำสัญลักษณ์ชี้จุด (Markup) หรือพิมพ์ข้อความลงในไฟล์ หรือใส่ลายเซนต์ได้ก่อนส่งอีเมล์ได้อีกด้วย


Safari เวอร์ชันใหม่มีการออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ตามแบบ iOS 7 ไม่มีแทบแสดง Bookmark แต่จะปรากฎเป็นหน้าต่างป๊อบอัพแสดงโลโก้ของเว็บที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำ มี Tab View แบบใหม่ รองรับ RSS Feed สามารถ Share หน้าเว็บไปยังบุคคลที่ต้องการติดต่อได้ในทันที นอกจากนี้ก่อนการส่งเมล์ผู้ใช้สามารถแต่งรูปหรือใส่ข้อความก่อนส่งได้เหมือน ใน MailDrop

Handoff เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันสำหรับการใช้งานที่ต่อเนื่อง เชื่อมการทำงานระหว่าง OS X 10.10 Yosemite กับ iOS ได้แล้ว หรือสามารถโยนไฟล์ไปมาระหว่างกันได้แล้วนั่นเอง หรือในขณะที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ สามารถใช้ iPhone เข้าไปใกล้ๆ กับคอมพิวเตอร์ Mac ที่ใช้ OS X 10.10 Yosemite เพื่อสั่งเปิด Personal Hotspot จาก iPhone ได้โดยอัตโนมัติ


OS X 10.10 Yosemite ยังทำหน้าที่แทน iPhone ทั้งการส่งข้อความ ใช้รับสายหรือโทรออกได้ ซึ่งคอมพิวเตอร์ Mac จะต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ตัวเดียวกับที่ iPhone กำลังเชื่อมต่ออยู่ด้วย จึงจะใช้งานฟังก์ชันดังกล่าวได้


OS X 10.10 Yosemite เวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนาดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ภาคประชาชนทั่วไปรอเวอร์ชันเต็มช่วงปลายปี โหลดฟรีครับ !!!

ที่มา: ARiP

แอปเปิลเปิดตัวภาษา Swift สำหรับการพัฒนาบน iOS และ OS X

แอปเปิลเปิดตัวภาษารุ่นต่อไปสำหรับการพัฒนาบน iOS ในชื่อว่าภาษา Swift แก้ปัญหาทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและฟีเจอร์ของภาษาสมัยใหม่ ตัว runtime สร้างขึ้นบนโครงสร้าง LLVM มีประสิทธิภาพดีกว่า Objective-C ทุกวันนี้เกือบเท่าตัว

ในแง่ฟีเจอร์ Swift จะรองรับฟีเจอร์ของภาษาโปรแกรมยุคใหม่ เช่น interface, generics, namespace, closure ตัวภาษาสามารถคอมไพล์เป็นไบนารีแบบเนทีฟได้ และมีฟีเจอร์ระดับสูงเช่น collections หรือ pattern matching มาให้ในตัว รวมถึงฟีเจอร์ที่เจาะจงกับ iOS และ OS X อย่าง Cocoa และ Cocoa Touch ก็จะทำงานร่วมกับ Swift ได้ในตัว


เมื่อทำงานร่วมกับ Xcode รุ่นใหม่ Swift จะมีฟีเจอร์ Playground สามารถรันซอฟต์แวร์โดยเห็นค่าตัวแปรต่างๆ เปลี่ยนไปได้ทันที

รายละเอียดเพิ่มเติมของ Swift อ่านได้จาก Apple Developer 

ที่มา: Blognone

แอปเปิลเปิดตัว iOS 8 ไม่มุ่งเน้นทำสิ่งใหม่ แต่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

เปิดตัวในงาน WWDC ตามคาดสำหรับ iOS 8 ที่ยังคงหน้าตาแบนเหมือนรุ่นก่อนหน้า เน้นไปที่การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาหลายอย่างดังนี้ครับ
  • Interactive notifications ให้ผู้ใช้สามารถตอบสนองกับข้อความแจ้งเตือนได้แล้ว เช่นการตอบข้อความจากในข้อความแจ้งเตือน หรือกดไลค์โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นต้น แถมยังใช้งานจากหน้าล็อกได้อีกด้วย
  • Quick access สำหรับเข้าหารายชื่อผู้ติดต่อรายสำคัญได้จากหน้า Multitask เพื่อโทรหา ส่งข้อความ วิดีโอคอล หรือแม้แต่ FaceTime ก็ยังได้
  • เพิ่ม gesture ใหม่ๆ เข้าไปในแอพ Mail (เหมือน Mailbox)
  • แอพ Message สามารถคุยเป็นกลุ่มได้ และตั้งชื่อกลุ่ม รวมถึงใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Do Not Disturb ได้เช่นกัน มีฟีเจอร์มาตรฐานอย่างการส่งภาพ คลิปวิดีโอ เสียง และสถานที่
  • เพิ่มฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยสำหรับใช้ในองค์กรจำนวนมาก
  • การค้นหาใน Spotlight ทำได้ละเอียดขึ้น มากขึ้น
  • ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ! Health แอพที่จะเก็บทุกข้อมูลสุขภาพไว้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งการซิงก์กับอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ จนถึงประวัติการรักษาของผู้ใช้ด้วย 
  • Family Sharing แชร์ข้อมูลกับคนในครอบครัวอัตโนมัติทั้งแอพ ภาพถ่าย ปฏิทิน แจ้งเตือน หรือแม้แต่ฟีเจอร์ Find my Friends ลูกจะใช้จ่ายอะไร พ่อแม่ต้องให้อนุญาตก่อน ใช้ได้สูงสุด 6 คน ต่อครอบครัว
  • สองฟีเจอร์ใหม่ในแอพ Photo Smart Suggestion ค้นหาภาพได้ด้วยข้อความ (เช่นพิมพ์ Beach หาภาพชายหาด) แนะนำคำที่ค้นหาได้ และ Smart Editing ระบบแต่งภาพใหม่ ปรับแต่งภาพได้ละเอียดขึ้น
  • Siri จดจำเพลงได้แล้ว ใช้ซื้อคอนเทนต์จาก iTunes ได้ รองรับการพิมพ์ด้วยเสียงเพิ่มอีก 22 ภาษา
  • Extensibility แชร์ข้อมูลจากแอพหนึ่ง ไปอีกแอพหนึ่งได้แล้ว (นึกถึง Share ของแอนดรอยด์ไว้ครับ)
  • Widgets ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง สามารถใส่วิดเจ็ตลงไปใน Notification Center ได้แล้ว
  • อัพเดตใหญ่ให้คีย์บอร์ด เพิ่มฟีเจอร์ QuickType สามารถเดาคำต่อไปในระหว่างพิมพ์ได้ ใช้งานได้รวดเดียว 14 ภาษาด้วยกัน มีภาษาไทยด้วย!
  • รองรับคีย์บอร์ดจากนักพัฒนาภายนอกแล้ว โชว์ Swype กลางงานเลยทีเดียว
  • เปิดการเข้าถึง TouchID APIs ให้กับนักพัฒนาภายนอก
  • อัพเดต Camera APIs ให้ทำงานได้เร็วขึ้น เขียนอ่านไฟล์จากคลังภาพได้แล้ว
  • HomeKit certification สำหรับอุปกรณ์ในบ้านที่จะใช้งานกับอุปกรณ์ iOS คุมแสงไฟ กล้องวงจรปิด ล็อกประตู อุณหภูมิ ปลั๊กไฟ และใช้ Siri สั่งงานได้
  • CloudKit PaaS จากแอปเปิล ให้นักพัฒนาใช้ฟรีแบบจำกัด ให้พื้นที่ 1PB กับฐานข้อมูลขนาด 10TB รับส่งข้อมูลได้จำกัดรายวัน
  • Metal เอนจินประมวลผลสามมิติสำหรับเกม เร็วกว่า OpenGL เป็นสิบเท่า ออกแบบมาสำหรับเครื่องที่ใช้ชิป Apple A7 โดยเฉพาะ พร้อมกับประกาศว่ามีค่ายเกมใหญ่กำลังทำเกมพรีเมียมลง iOS แล้ว
  • SceneKit และ SpriteKit ตัวเรนเดอร์สามมิติ และสองมิติตัวใหม่
  • Swift ภาษาใหม่สำหรับนักพัฒนาที่ใช้ Xcode

iOS 8 จะปล่อยรุ่นเบต้าวันนี้ และจะปล่อยรุ่นจริงในช่วงปลายปี ทุกรุ่นที่อัพเดต iOS 7.1 ได้ยกเว้น iPhone 4 จะได้ไปต่อครับ

ที่มา: Blognone

Xcode 6 เปิดให้นักพัฒนาทำแอพสำหรับอุปกรณ์ iOS หน้าจอหลายขนาดได้แล้ว

Xcode 6 ซึ่งมาพร้อมกับ iOS Simulator ใหม่ ให้นักพัฒนาสามารถทดลองรันแอพพลิเคชันของตัวเองได้ตอนนี้มีคุณสมบัติที่ทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพให้กับอุปกรณ์ iOS ในอนาคตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง iPhone 6 ที่จะมีขนาดหน้าจอ 4.7 และ 5.5 นิ้ว
ถึงแม้ว่ายังไม่มีการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ๆ อย่างเป็นทางการจากแอปเปิล นักพัฒนาในตอนนี้สามารถที่จะเลือกสร้างหน้าจอ iPhone หรือ iPad ที่มีขนาดความละเอียดใดก็ได้ ในการทดสอบแอพ

ข้อดีของความสามารถใหม่นี้ของ Xcode คือนักพัฒนาสามารถเตรียมตัวแอพของตัวเอง ให้รองรับกับอุปกรณ์ใหม่ๆ จากแอปเปิลได้เร็วกว่าเดิมมาก ต่างจากสมัยที่แอปเปิลเปลี่ยนจาก iPhone 4s มา iPhone 5 ที่ผู้ใช้หลายรายต้องทนใช้แอพที่มีขนาดไม่เต็มจออยู่พักหนึ่ง

ที่มา: Blognone

Git 2.0 ออกแล้ว

Junio C Hamano ผู้ดูแลคนสำคัญของโครงการ Git ประกาศว่า Git รุ่น 2.0 ออกแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ให้ผู้ใช้เดิมสังเกตได้ แต่สำหรับผู้ใช้ใหม่จะได้รับความสะดวกมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนค่าเริ่มต้นของการ push ที่เปลี่ยนจาก matching ไปเป็น simple อ่าน release note สำหรับรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

ขณะนี้หน้าดาวน์โหลดยังเป็นเวอร์ชันเก่าอยู่ อยากได้ต้อง build เองครับ

ที่มา: Blognone

Microsoft สาธิตโปรแกรมต้นแบบ Skype Translator แปลภาษาขณะสนทนา แม้คุยต่างภาษากัน

ในงาน Code Conference โดยทีมงาน Re/code ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซีอีโอ Satya Nadella (สัตยา นาเดลลา) จาก Microsoft นำทีม Skype ออกมาสาธิตโปรแกรมต้นแบบ Skype Translator แปลภาษาขณะสนทนา แม้คุยต่างภาษากัน


คุณสมบัติในขั้นต้นเป็นส่วนของโปรแกรม Skype โดยความสามารถหลักคือ การแปลภาษาให้กับคู่สนทนาที่ใช้ภาษาต่างกัน ได้แบบเรียลไทม์ เมื่อฝ่ายหนึ่งพูดประโยคใดออกมา โปรแกรมจะแปลคำพูดให้ออกมาเป็นภาษาที่ให้อีกฝ่ายเข้าใจ ในลักษณะคำบรรยายใต้ภาพ เหมือนซับไตเติ้ลในขณะที่เราดูภาพยนตร์ Soundtrack นั่นเองครับ ซึ่ง Microsoft ตั้งเป้าเปิดตัวเวอร์ชั่น Beta ก่อนสิ้นปีนี้

นอกจากการพัฒนาการแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์บนโปรแกรม Skype แล้ว ในอนาคตข้างหน้าทาง Microsoft กล่าวว่าจะต่อยอดไปยังบริการอื่นๆ โดยเฉพาะฟีเจอร์การสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Cortana บน Windows Phone นอกจากนี้ Microsoft ยังวางแผนเปิดตัว Skype บนแพลตฟอร์ม OS X ในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน

ที่มา: ARiP

ประกาศรายชื่อ 5 ทีมสุดท้ายของโครงการ dtac Accelerate ปีที่สอง

ประกาศโครงการ dtac Accelerate ปีที่สองไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันนี้ dtac ได้ห้าทีมสุดท้ายที่เข้ารอบของโครงการนี้เพื่อเข้าอบรม intensive boot camp เป็นเวลา 90 วันจากที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ก่อนจะไปโชว์จริงในวันเดโมช่วงเดือนสิงหาคมนี้

โดยห้าทีมที่ผ่านเข้ารอบมีดังนี้ครับ
  • Anywheretoclaim แอพสำหรับช่วยเจ้าของรถเคลมประกันได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเจออุบัติเหตุในรูปแบบใดก็ตาม
  • FastInFlow ผู้ชนะจากโครงการเมื่อปีก่อน (dtac บอกว่าเป็นคนละโครงการกัน ลงแข่งได้) ผู้พัฒนาแอพสำหรับนักการตลาดสำหรับหา Consumer Insight ของลูกค้าในเวลาเพียง 5 นาที
  • Piggipo แอพบริหารการใช้จ่ายบัตรเครดิต ตรวจสอบยอดการใช้เงินในบัตรเครดิตได้ตลอดเวลา พร้อมแจ้งเตือนวันจ่ายได้
  • Drivebot ทีมพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับเก็บข้อมูลยานพาหนะเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ มีทั้งฮาร์ดแวร์ที่ฝังเข้าไปในยานพาหนะ และตัวแอพสำหรับดูข้อมูลบนสมาร์ทโฟน เคยลงแข่งขันในงาน Echelon 2014 มาแล้ว
  • StoryLog ทีมสุดท้ายผู้พัฒนาแพลตฟอร์มความบันเทิง ผู้บอกว่าตัวเองคือโซเชียลเน็ตเวิร์คของการแบ่งปันเรื่องราวในชีวิต แสดงความรู้สึกได้ทั้งสุข เศร้า เหงา ซึ้ง (ดูตัวอย่างได้จากแฟนเพจของ StoryLog)
สำหรับทั้งห้าทีมที่ผ่านเข้ารอบ จะได้รับเงินลงทุนเริ่มต้นทีมละ 500,000-1,500,000 บาท และได้เข้าเวิร์คช็อปที่บินตรงมาจากซิลิคอนวัลเลย์ เข้าร่วมโครงการ Blackbox Connect เป็นเวลาสองสัปดาห์ และเดินทางไปนำเสนอผลงานทั้งสิงคโปร์ และญี่ปุ่น รวมถึงได้รับการสนับสนุนทางการตลาดจาก dtac และบริษัทลูกในเครือเทเลนอร์ซึ่งมีลูกค้ามากกว่า 150 ล้านรายทั่วโลกอีกด้วย


ที่มา: Blognone

Facebook เพิ่มปุ่มเอาไว้ถาม “โสด” หรือ “มีแฟนแล้ว”

Facebook ได้เปิดตัวปุ่ม Ask สำหรับไว้กดขอข้อมูลของเพื่อนบน Facebook ในส่วนสถานะความสัมพันธ์โดยเฉพาะอยากรู้ว่าโสดมั๊ย หรือว่าคบใครอยู่ เพียงกดปุ่ม Ask ปุ่มเดียว รู้ผล ตอนที่ถามก็ส่งข้อความไปหยอดๆ ได้ด้วย สำหรับใครที่มีคนถามมาบ่อยๆ ก็สามารถเปิดเผยข้อสถานะความสัมพันธ์ได้ โดยอาจจะไม่ต้องเปิดเป็นสาธารณะ แต่เปิดให้เฉพาะเพื่อนในกลุ่มเห็นก็ได้ว่าเรากำลัง In relationship กับใครอยู่


ปุ่ม Ask นี่จะอยู่บนหน้าโปรไฟล์ของเพื่อนเรา ใครที่เรายังไม่ได้เป็นเพื่อนด้วย ก็จะไม่มีปุ่ม Ask ให้กดถามเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook  ซึ่งนอกจากข้อมูลเรื่องความสัมพันธ์แล้ว เราสามารถ Ask กับข้อมูลส่วนอื่นๆ ได้ เช่น เมืองที่เกิด อีเมล์ รวมไปถึงเบอร์โทรศัทพ์ ส่วนเขาจะให้หรือไม่ให้อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ

ที่มา: www.i3.in.th

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หรูเข้าไปอีก ตำรวจจราจรดูไบกำลังทดสอบการใช้งาน Google Glass

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมตำรวจดูไบให้สัมภาษณ์กับ GulfNews ว่าแว่นตาอัจฉริยะของกูเกิล กำลังถูกทดสอบโดยกรมตำรวจเพื่อใช้ในส่วนงานจราจร สำหรับตรวจหารถที่กำลังเป็นที่ต้องการของทางการ และใช้ในการจับและปรับผู้ขับขี่ผิดกฎหมาย โดยทางกรมตำรวจได้พัฒนาแอพพลิเคชันสองตัว สำหรับรองรับการใช้งานดังกล่าว


Google Glass สามารถช่วยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหารถที่เป็นที่ต้องการ ได้ด้วยการตรวจสอบจากฐานข้อมูลของกรมตำรวจจราจร เมื่อเจ้าหน้าที่มองไปที่ทะเบียนรถ และถ่ายรูปจุดเกิดเหตุของการกระทำผิดกฎ ซึ่งจะถูกอัพโหลดขึ้นระบบโดยอัตโนมัติ พร้อมวันเวลาและพิกัดสถานที่เกิดเหตุ และหาก Google Glass ผ่านเกณฑ์การทดสอบและเกิดประโยชน์ในการใช้งานจริง ทางกรมตำรวจจึงจะสั่งซื้อ Google Glass และเริ่มให้เจ้าหน้าที่ใช้

สงสัยแค่เฟอร์รารีและลัมโบร์กินีคงไม่ทำให้งบประมาณของกรมตำรวจดูไบร่อยหรอลงไปสักเท่าไหร่

ที่มา: Blognone

eBay โดนแฮ็ก ผู้ใช้เปลี่ยนรหัสผ่านกันด่วน


eBay ออกมาประกาศว่าค้นพบการโจมตีและขโมยข้อมูลของผู้ใช้ระหว่างเดือน ก.พ. - มี.ค. ปีนี้ โดยข้อมูลที่ถูกขโมยมีตั้งแต่ชื่อผู้ใช้ อีเมล รหัสผ่านที่เข้ารหัสแล้ว วันเกิด ที่อยู่ แต่ข้อมูลทางการเงิน (เช่น บัตรเครดิตหรือ PayPal) ที่ถูกเก็บแยกอยู่อีกฐานข้อมูลหนึ่งนั้นปลอดภัย

eBay บอกว่ายังไม่พบการล็อกอินที่น่าสงสัย แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้ eBay ทุกคนเปลี่ยนรหัสผ่าน และจะเริ่มแจ้งเตือนผู้ใช้ทางอีเมลและช่องทางอื่นๆ ให้เปลี่ยนรหัสผ่านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

จากการสอบสวนพบว่าการโจมตีครั้งนี้เริ่มจากล็อกอินของพนักงาน eBay จำนวนหนึ่ง ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเข้ามาใช้เครือข่ายภายในบริษัทได้

ที่มา: Blognone

ตำรวจ New York ตามจับโจรปล้นร้านยาได้ด้วยการแกะรอยจากสัญญาณ GPS ของขวดยา

ที่ต่างประเทศมีกรณีตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อคลี่คลายคดีปล้นจี้ เมื่อตำรวจ New York ไล่ตามจับคนร้ายที่ปล้นร้านยาโดยอาศัยข้อมูลตำแหน่งจากตัวส่งสัญญาณ GPS ที่อยู่ภายในขวดยาที่โดนปล้น


คนร้ายได้เข้าปล้นร้านยาชื่อ HealthSource Pharmacy และสั่งให้พนักงานร้านมอบเงินสดพร้อมยา OxyContin ให้กับเขา ซึ่งยาดังกล่าวมีราคาแพงมากถึงขนาดที่ว่าคนร้ายอาจขายต่อมันได้ในราคาสูงถึง เม็ดละ 80 ดอลลาร์

ทว่าขวดยา OxyContin ที่คนร้ายได้รับไปนั้นเป็นขวดปลอมที่ทำเลียนแบบ โดยนอกจากภายในจะไม่มียาของจริงแล้ว มันยังมีตัวส่งสัญญาณ GPS และนี่เองที่เป็นกุญแจให้ตำรวจสามารถตามล้อมจับคนร้ายได้ภายในเวลาไม่นานหลังเกิดการปล้น ก่อนเหตุการณ์จะจบลงด้วยการยิงปืนต่อสู้และเป็นฝ่ายคนร้ายที่โดนวิสามัญฆาตกรรม

หน่วยงานตำรวจ New York เผยว่าการใช้ขวดยาปลอมที่ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณ GPS ไว้ภายในนี้เป็นแผนที่ทางตำรวจได้ร่วมมือกับผู้ผลิตและร้านขายยา วางมาตรการป้องกันเหตุปล้นจี้ร้านขายยาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยขวดยาปลอมที่ทำพิเศษขึ้นมานี้ ผลิตโดย Purdue Pharma บริษัทผู้ผลิตยา OxyContin ตัวจริง โดยขวดยาปลอมดังกล่าวจะมีอุปกรณ์ส่งสัญญาณฝังเอาไว้ที่ฝาขวด ภายในมีการบรรจุวัตถุบางอย่างแทนเม็ดยา OxyContin ซึ่งเมื่อมีคนเขย่าขวดก็จะให้เสียงเหมือนการเขย่าขวดยาของจริง

โฆษกของ Purdue Pharma เผยว่าจนถึงตอนนี้ขวดยาปลอมฝังอุปกรณ์ส่งสัญญาณ GPS นี้ ช่วยให้ทางการสามารถจับกุมผู้ต้องหาปล้นร้านยาได้แล้วถึง 111 รายใน 33 มลรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา

ที่มา: Blognone

เอาใจคนขี่จักรยาน Google Maps เริ่มแสดงข้อมูล "ระดับความสูง" ของเส้นทาง

Google Maps เอาใจคนขี่จักรยานเพิ่มอีกขั้น โดยแสดงระดับความสูงของเส้นทางต่างๆ ในหน้าวางแผนการเดินทางแล้ว

วิธีการใช้งานคือกำหนดเส้นทางใน Google Maps ตามปกติ เลือกวิธีการเดินทางเป็นจักรยาน ถ้าเส้นทางนั้นมีขึ้นเขาหรือลงเขา กูเกิลจะแสดงกราฟบอกระดับความสูงดังภาพ

กูเกิลยังไม่ประกาศฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ แต่หลังสำนักข่าวต่างๆ รายงาน โฆษกของกูเกิลก็ยืนยันข่าวนี้แล้ว โดยบอกว่าประเทศที่ใช้งานได้มี 14 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศแถบยุโรปตะวันตกอีกหลายประเทศ


ที่มา: Blognone

AIS The StartUp 2014 ประกาศผลผู้ชนะเลิศแล้ว

ช่วงหัวค่ำวันนี้ โครงการ AIS The StartUp 2014 ประกาศผลทีมผู้ชนะแล้ว โดยปีนี้การประกวดแบ่งออกเป็น 3 หมวด
  • หมวด Online and Digital ผู้ชนะคือทีม GolfDigg แพลตฟอร์มการจองสนามกอล์ฟ
  • หมวด Corporate Solution ผู้ชนะคือทีม Nugrean ระบบติดตามรถโรงเรียน
  • หมวด Social Business ผู้ชนะคือทีม Local Alike ระบบเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวต่างชาติกับโฮสต์-ไกด์ท้องถิ่น
ผู้ชนะรางวัลใหญ่ทั้ง 3 หมวดจะได้เงินสดทีมละ 200,000 บาทและรางวัลจากพาร์ทเนอร์อื่นๆ รวมถึงสิทธิในการร่วมเป็น content partner กับ AIS เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ตลาดจริงต่อไปครับ (รายละเอียดของแต่ละทีม รอข่าวอย่างเป็นทางการจาก AIS อีกทีนะครับ)

ทีม GolfDigg

ทีม Nugrean

ทีม Local Alike

ที่มา: Blognone

บ่งบอกความหรูของเว็บคุณ ด้วยโดเมนเนมนามสกุล .RICH

I-Registry เปิดตัวโดเมนเนมนามสกุล .RICH ยกระดับการสื่อสารออนไลน์สู่สถานะสุดพิเศษ พร้อมสิทธิและประโยชน์ที่มากกว่า


ปัจจุบันการจดโดเมนเนมด้วยนามสกุล .com, .co.th, .net หรืออื่นๆ ถือกำเนิดได้ง่ายมีมากขึ้น แต่จะมีกี่เว็บไซต์ที่สามารถก้าวขึ้นมาโดดเด่นได้ ดังนั้น I-Registry จึงทำการเปิดตัวโดเมนเนมนามสกุล .RICH โดยมีเป้าหมายยกระดับการสื่อสารออนไลน์สู่สถานะสุดพิเศษสำหรับผู้มีฐานะ ทั้งในวงการบันเทิง กีฬา แวดวงธุรกิจ ศิลปะ และแฟชั่น ซึ่งนอกเหนือจากความพิเศษของนามสกุลต่อท้ายแล้ว ลูกค้าที่ได้รับการคัดเลือกยังได้รับสิทธิประโยชน์เหนือโดเมนเนมทั่วไป

ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ใช้โดเมนเนมนามสกุล .RICH จะได้รับบริการในระดับพรีเมี่ยมทั้งเครื่องมือในการสร้างเว็บ และการรักษาความปลอดภัยระดับสูง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3,000 เหรียญสหรัฐต่อปี

โดยสามารถเข้าไปดูรายชื่อผู้ให้บริการได้ที่ www.nic.rich ครับ

ที่มา: ARiP

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Tesco เตรียมวางขายสมาร์ทโฟนแบรนด์ของตัวเองภายในปีนี้


Tesco ผู้ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้าจากสหราชอาณาจักร ประกาศว่ากำลังทำสมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ของตนเอง โดยตั้งเป้าจะวางขายให้ได้ภายในปีนี้

สำนักข่าว BBC อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ Philip Clarke ผู้บริหารของ Tesco โดยระบุว่าสมาร์ทโฟนของ Tesco จะใช้ระบบปฏิบัติการ Android (โฆษกของ Tesco ได้ยืนยันเรื่องนี้อีกครั้งกับ Reuters แล้ว) ส่วนสเป็กของเครื่องจะใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S5 ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยราคาขายของเครื่อง

โดยสมาร์ทโฟนจะถูกติดตั้งแอพให้บริการต่างๆ ของ Tesco มาด้วย ทั้งบริการสตรีมวิดีโอ Blinkbox, บริการร้านค้าออนไลน์ที่ขายทั้งเพลง ทั้งภาพยนตร์ และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ รวมไปจนถึงแอพเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าทั่วไปจากห้าง Tesco นอกจากนี้ยังมีแอพสำหรับธนาคารออนไลน์ของ Tesco ที่เพิ่งเปิดให้บริการอีกด้วย

นอกจากนี้ Clarke ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มอีกว่า Tesco มีแผนที่จะวางขายแท็บเล็ต Hudl 2 เพื่อสานต่อความสำเร็จจากแท็บเล็ตรุ่นก่อนหน้าที่ทำยอดขายไปได้มากกว่า 550,000 เครื่องอีกด้วย

ที่มา: Blognone

ผู้บริหารห้าง Target ลาออก สังเวยปัญหาข้อมูลรั่วไหล


ปัญหาห้าง Target ถูกเจาะจนข้อมูลบัตรเครดิตรั่วจำนวนมาก ส่งผลให้ ซีอีโอ Gregg Steinhafel และซีไอโอ (Chief Information Officer - CIO) ของห้าง คือ Beth M. Jacob ต้องยื่นใบลาออกจากบริษัทแล้ว โดยตอนนี้จะหาผู้บริหารคนนอกมานั่งแทนชั่วคราว พร้อมกับเตรียมยกเครื่องระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้าเสียใหม่

ซีอีโอ Steinhafel ทำงานห้าง Target มานานถึง 35 ปี เขานั่งสามตำแหน่งพร้อมกันได้แก่ ประธานบอร์ดบริหาร, ประธานบริษัท, และซีอีโอ โดยการลาออกครั้งนี้จะลาออกจากทุกตำแหน่งพร้อมกัน โดยตำแหน่งซีอีโอจะให้หัวหน้าฝ่ายการเงิน (CFO) John Mulligan เข้ามาดูแลชั่วคราว

Jacob ไม่มีประวัติการศึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง แต่จบปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ เข้ามาดูแลระบบคอลเซ็นเตอร์ในปี 2002 เลื่อนเป็นซีไอโอตั้งแต่ปี 2008 ปกติ Target มักเลื่อนตำแหน่งคนในขึ้นมาเป็นผู้บริหาร แต่ในกรณีนี้บริษัทระบุชัดเจนว่าจะหาคนนอกเข้ามา อีกตำแหน่งหนึ่งที่โดนปรับพร้อมกับคือ ซีซีโอ (Chief Compliance Officer - CCO) ผู้ดูแลมาตรฐานการทำงานและความเสี่ยงต่างๆ ของบริษัทที่ผู้บริหารคนปัจจุบันกำลังเกษียณอายุ ก็จะปรับแยกออกเป็นสองตำแหน่ง

นอกจากเปลี่ยนตัวผู้บริหารแล้ว Target ระบุว่าจะตั้งตำแหน่งระดับสูงสำหรับดูแลความปลอดภัยของเว็บเป็นการเฉพาะ

ปัญหาข้อมูลบัตรเครดิตรั่วของห้าง Target ถูกเปิดเผยออกมาช่วงปลายปีพอดี ทำให้ผลกำไรไตรมาสสุดท้ายลดลงถึง 46% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และตอนนี้ปัญหาทำให้มีค่าใช้จ่ายไปแล้ว 61 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินประกัน 44 ล้านดอลลาร์

ที่มา: Blognone

พบช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบล็อกอิน OAuth และ OpenID เว็บใหญ่โดนกันถ้วนหน้า

Wang Jing นักศึกษาปริญญาเอกจาก Nanyang Technology University ในสิงคโปร์ ประกาศค้นพบช่องโหว่ในระบบล็อกอิน OAuth 2.0 และ OpenID ที่ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ชื่อดังเป็นจำนวนมาก

Jing เรียกช่องโหว่นี้ว่า "Covert Redirect" เพราะมันอาศัยการที่ระบบล็อกอินทั้งสองตัวจะยืนยันตัวตนผู้ใช้แล้ว redirect ไปยังเว็บไซต์ปลายทาง แต่กลับไม่ตรวจสอบเว็บไซต์ปลายทางให้ดีก่อน จึงอาจถูกใช้ในการปลอม redirect ไปยังเว็บไซต์ของผู้โจมตีแทนได้ (และเว็บไซต์ที่โจมตีจะได้ข้อมูลส่วนตัวจากเว็บไซต์ต้นทางไป แล้วแต่สิทธิที่ผู้ใช้อนุญาตให้)

ทางแก้ไขช่องโหว่นี้คือเว็บไซต์ที่เปิดให้ล็อกอินผ่าน OAuth/OpenID เช่น Facebook, Google, LinkedIn จะต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบเว็บไซต์ปลายทางด้วยวิธีการ whitelist ซึ่งตอนนี้เว็บไซต์ชื่อดังหลายแห่งก็ได้รับข้อมูลช่องโหว่โดยละเอียดจาก Jing แล้ว และกำลังสอบสวนหรือหามาตรการแก้ไขอยู่ เช่น LinkedIn ประกาศให้เว็บปลายทางที่อยากล็อกอินผ่านตัวเองต้องลงทะเบียนใน whitelist เสมอ


Jing ไม่ได้เผยข้อมูลรายละเอียดของช่องโหว่นี้ต่อสาธารณะ แต่ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยหลายๆ คนเห็นรายละเอียดแล้วก็ลงความเห็นว่าเป็นช่องโหว่จริงๆ ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แม้จะไม่เท่ากับปัญหา Heartbleed ก็ตาม

ที่มา: Blognone

แพลตฟอร์มกลุ่มเมฆ Heroku รองรับ PHP แล้ว, มี HipHop VM ให้เลือกด้วย

Heroku บริการกลุ่มเมฆแบบ PaaS ที่เดิมทีออกแบบมาเพื่อ Ruby เพียงอย่างเดียว (แล้วขยายมายัง Python, Java, Node.js ในภายหลัง) ประกาศรองรับภาษายอดนิยมอย่าง PHP แล้ว


การใช้งาน PHP บน Heroku มีได้สองทางเลือกคือ ใช้ตัวรันไทม์ หรือ VM ของ PHP รุ่นปกติ หรือใช้ HipHop VM ของ Facebook ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพของ PHP ดีขึ้นมาก (ในขณะที่ยังคงความเข้ากันได้กับโค้ด PHP เดิม) ซึ่งนักพัฒนาสามารถกำหนดได้เองว่าจะเลือก VM ตัวไหน

Heroku ยังมีแผนจะรองรับระบบจัดการแพ็กเกจ Composer เพื่อให้การจัดการ dependency ของโมดูลต่างๆ ของ PHP ง่ายกว่าเดิมในอนาคตด้วย

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

Google ทำเก๋ พาชมสถานที่เดียวกันเมื่อในอดีตผ่าน Google Street View

ความสามารถของ Google Street View ไม่เพียงแค่ให้ผู้ใช้ได้เห็นภาพจริงของสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการได้เท่านั้น เพราะตอนนี้ Google ได้ใส่ฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้สามารถย้อนเวลาไปชมภาพสถานที่นั้นๆ เมื่อในอดีตได้


การลองเล่นฟีเจอร์ใหม่ใน Google Street View ทำได้ง่ายๆ เมื่อผู้ใช้เลือกสถานที่ที่ต้องการ หาไอคอนนาฬิกาและคลิกเพื่อเลือกเวลา สามารถย้อนไปได้ไกลสุดเป็นปี 2007 ซึ่งประโยชน์ของฟีเจอร์นี้น่าจะช่วยให้เราได้เรียนรู้กับสภาพสถานที่ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศ สถานที่ที่เคยประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติจากเมื่อปีก่อนๆ จนเข้าสู่สภาวะการฟื้นฟูที่รวดเร็ว อาทิ เมือง Onagawa ในประเทศญี่ปุ่น ที่ประสบกับคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2011 เป็นต้น

ฟีเจอร์ใหม่ของ Google Street View อาจทำให้ใครหลายคนหวนคิดถึงความหลังที่เคยมีความทรงจำดีๆจากสถานที่นั้นๆ เอาเป็นว่าเล่นกันสนุกๆ นะครับ

ตึก Freedom Tower ที่มหานคร New York
เมือง Onagawa ในประเทศญี่ปุ่น ที่ประสบกับคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2011
ที่มา: ARiP