วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Boston Dynamics เตรียมวางขายหุ่นยนต์สุนัข SpotMini ในปี 2019


Marc Raiber ผู้ก่อตั้งบริษัท Boston Dynamics ได้กล่าวกับทางเว็บไซต์ TechCrunch ว่า หุ่นยนต์ SpotMini ที่มีลักษณะคล้ายสุนัขนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการผลิต (Pre-Production) และจะพร้อมวางจำหน่ายในปี 2019

“SpotMini เป็นหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นจากแนวคิดที่จะใช้ในออฟฟิศ ใช้งานในเชิงธุรกิจ และใช้ในบ้านด้วย”


Boston Dynamics ได้กล่าวว่าจะเริ่มผลิต SpotMini ในครั้งแรก จำนวน 100 ตัว ในช่วงปลายปี 2018 และจะเพิ่มจำนวนการผลิตมากขึ้นในปี 2019 แต่ยังไม่มีการเปิดเผยราคาแต่อย่างใด

ทาง Boston Dynamics ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า SpotMini รุ่นต้นแบบล่าสุดนี้นั้นมีต้นทุนถูกกว่ารุ่นที่สร้างมาก่อนหน้านี้ถึง 10 เท่า ซึ่งทางเว็บไซต์ theverge.com ได้คาดการณ์ว่าราคาวางจำหน่าย “น่าจะยังแพงมาก” อยู่เหมือนกัน


บริษัท Boston Dynamics ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1992 ซึ่งแยกตัวออกมาจากห้องแล็บของ MIT (Massachusetts Institute of Technology: สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์) จากนั้นจีงได้เข้าร่วมกับ Alphabet Corp. (บริษัทแม่ของ Google) และถูก SoftBank ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา

หุ่นยนต์ที่น่าสนใจของ Boston Dynamics มีดังนี้
  • BigDog : ได้รับทุนวิจัยจาก DARPA (Defense Advanced Research Projects Agency: สำนักโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม) โดยหวังจะใช้ในการบรรทุกของสำหรับทหาร
  • Cheetah : วิ่งได้เร็ว 28 ไมล์ต่อชั่วโมง (45 กิโลเมตรต่อวินาที)
  • LittleDog : วิจัยให้กับทาง DARPA แต่ยังคงมาตรฐานของ Boston Dynamics ไว้
  • RiSE : สามารถปืนขึ้นพื้นผิวแนวตั้งจากพื้นดินได้
  • SandFlea : หุ่นยนต์ขนาดเล็ก สามารถกระโดดได้สูง 30 ฟุต
  • PETMAN (Protection Ensemble Test Mannequin) : สร้างขึ้นเพื่อทดสอบชุดป้องกันเคมี
  • LS3 (Legged Squad Support System) : หรือ Alphadog เป็นหุ่นยนต์ BigDog เวอร์ชั่นสำหรับใช้ในการทหาร
  • Atlas : มีความสูง 182 ซม. เป็นหุ่นยนต์ Humanoid ที่พัฒนาขึ้นมาจาก PETMAN
  • RHex : หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวบนพื้นผิวขรุขระได้
  • SpotMini : หุ่นยนต์สี่ขา ลักษณะคล้ายสุนัข ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นอื่น
  • Handle : มีความสูง 198 ซม. วิ่งได้ไกล 15 ไมล์ (24 กม.) จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว

ที่มา: Beartai

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ยังล้ำได้อีก : หุ่นยนต์ Boston Dynamics โชว์วิ่งกลางแจ้ง และหลบหลีกได้อัตโนมัติ

จากที่สามารถกระโดดตีลังกาหลัง และเปิดประตูให้หุ่นยนต์อีกตัวได้ ล่าสุด Boston Dinamics ได้แสดงทักษะการวิ่งและหลบหลีกสิ่งกีดขวางสำหรับหุ่นยนต์


หุ่นยนต์ Atlas และ SpotMini ของบริษัท Boston Dynamics ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ประกอบกับ AI ที่สามารถเรียนรู้และตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม

ล่าสุด Boston Dynamics ได้โพสต์วิดีโอใหม่ลงบน YouTube ซึ่งแสดงให้เห็นการพัฒนา Machine Learning สำหรับหุ่นยนต์ทั้ง 2 ตัวนี้อย่างชัดเจน


วิดีโอข้างต้นได้แสดงให้เห็นหุ่นยนต์ Humanoid (หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์) นามว่า Atlas ที่สามารถวิ่งบนพื้นหญ้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ และหยุดเมื่อเจอท่อนไม้ขวางทาง จากนั้นจึงกระโดดข้ามท่อนไม้ไป


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 ทาง Boston Dynamics ได้โพสต์วิดีโอเพื่อแสดงทักษะการกระโดดตีลังกาหลังของ Atlas มาแล้ว


อีกวิดีโอเป็นหุ่นยนต์ลักษณะคล้ายสุนัข นามว่า SpotMini ที่สามารถวิ่งไปรอบๆ ออฟฟิศ และสามารถก้าวขึ้น-ลงบันไดได้อย่างคล่องตัว


ทาง Boston Dynamics กล่าวว่า ต้องขับเคลื่อนหุ่นยนต์ไปทั่วพื้นที่ เพื่อให้มันตรวจจับพื้นที่ได้ และจากวิดีโอนี้ดูเหมือนว่า SpotMini จะสามารถเรียนรู้การเคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติ และใช้กล้องหน้าสำหรับหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

ที่มา: Beartai

รัฐ California ออกข้อบังคับ บ้านที่สร้างใหม่ ต้องติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ มีผลปี 2020

รัฐแคลิฟอร์เนีย ของอเมริกาได้ออกกฎระเบียบบังคับ ให้บ้านพักอาศัยที่ก่อสร้างใหม่ จะต้องติดตั้งแผงโซลาร์พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน มีผลตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นข้อบังคับหนึ่งตามแผนที่รัฐต้องการลดการปล่อยคาร์บอนลงให้ได้ 40% ภายในปี 2030

นักวิเคราะห์มองว่าประกาศของแคลิฟอร์เนียนี้จะทำให้แผงโซลาร์ ไม่ได้มีสถานะเป็นตัวเลือกในบ้าน แต่กลายมาเป็นของจำเป็นเทียบเท่ากับระบบท่อแก๊สหรือฮีทเตอร์ ซึ่งดีต่ออุตสาหกรรมผู้ผลิตแผงโซลาร์โดยรวม อย่างไรก็ตามมีข้อกังวลว่าประกาศนี้จะทำให้ต้นทุนสร้างบ้านในแคลิฟอร์เนียสูงขึ้นไปอีก


ที่มา: Blognone

Red Hat จับมือไมโครซอฟท์ นำแพลตฟอร์ม OpenShift มาสู่ Azure

Red Hat ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ นำแพลตฟอร์มจัดการแอพพลิเคชัน OpenShift ไปให้บริการบนคลาวด์ Azure

OpenShift เป็นแพลตฟอร์มจัดการแอพพลิเคชันสำหรับยุคคลาวด์ ตัวมันเองประกอบด้วย Docker, Kubernetes, Red Hat Atomic และเครื่องมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การใช้งานสามารถรันได้ทั้งแบบ on premise และบนคลาวด์ของ Red Hat (ในชื่อ OpenShift Online)

ที่ผ่านมา Red Hat มีบริการนำ OpenShift ไปรันบนคลาวด์หลายยี่ห้อ แต่ความร่วมมือครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้ให้บริการคลาวด์อย่างไมโครซอฟท์ เข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมบริหาร OpenShift ร่วมกับ Red Hat ด้วย

ความร่วมมือครั้งนี้ยังส่งผลให้แพลตฟอร์มลินุกซ์และวินโดวส์ใกล้ชิดกันมากขึ้น ฝั่งของไมโครซอฟท์จะนำเครื่องมืออย่าง SQL Server และ Visual Studio เข้ามาต่อเชื่อมกับฝั่งของ Red Hat มากขึ้นด้วย


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อนาคตใหม่ Grab ในไทย ส่งคน, ส่งของ, ส่งอาหาร, e-wallet และกู้เงินได้ด้วย

Grab ประเทศไทยเผยวิสัยทัศน์หลังบริษัท Grab ประกาศเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Uber ในอาเซียน โดยบริษัทระบุว่าจะเดินหน้าสร้าง ecosystem ให้ครบทั้งส่งคน, ส่งของ, ส่งอาหาร รวมถึง E-wallet และมีเป้าหมายจะทำบริการการเงิน ปล่อยกู้เงินได้ ตั้งเป้าคนใช้บริการการเงิน 100 ล้านราย ภายในปี 2020


Grab เปิดตัว Grab Food อย่างเป็นทางการ หลังจากทดลองใช้งานโดยไม่เสียค่าส่งมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2017 โดย ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำ Grab ประเทศไทย ระบุว่า เป้าหมายคือส่งอาหารในระยะเวลาอันรวดเร็ว เน้นส่งระยะ 5 กิโลเมตรรอบตัวผู้ใช้เท่านั้น โดยจะคิดค่าส่งไม่เกินสิบบาท และจะส่งฟรีไปก่อนจนถึงสิ้นเดือน พฤษภาคมนี้

ด้านการควบรวมกับ Uber Eat ธรินทร์ บอกว่าเครือข่ายร้านอาหารเดิม มีอยู่ประมาณ 3,000 ร้านค้า รวมกับเครือข่ายของ Uber Eats อีก 1,000 เป็น 4,000 ร้านค้า และยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า Grab Food มีคนขับมากที่สุด (แต่ไม่บอกจำนวนว่าเท่าไร) และจากครั้งแรกที่ทดลองใช้ จนถึงตอนนี้มียอดส่งอาหารโตขึ้น 4.5 เท่า

ธรินทร์ ระบุเพิ่มเติมว่า Grab กำลังขยายพื้นที่ส่งอาหารให้ครอบคลุมทุกที่ในกรุงเทพฯ และขยายพันธมิตรร้านค้าด้วย

GrabPay ทางบริษัทบอกว่าเป็นบริการที่จะมีขึ้นในอนาคตในไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ ยังไม่สามารถใช้จ่ายตามร้านค้าได้ แต่สิ่งที่ทำได้แล้วตอนนี้คือ ตัดเงินผ่านธนาคาร ซึ่งมีพันธมิตรสถาบันการเงินในไทยแล้ว 9 แห่ง นอกจากนี้ GrabPay ก็ใช้เป็น E Wallet จ่ายค่าอาหารสตรีทฟู้ดได้แล้วที่สิงคโปร์


ธรินทร์ ระบุว่า ในอนาคตเมื่อผู้ใช้สามารถใช้ Grab Pay ซื้อของได้อย่างไร้รอยต่อแล้ว ขั้นถัดไปก็จะเป็นการบริการการเงินสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คนอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร คนขับรถ และผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการการเงิน สามารถดำเนินธุรกิจได้บนแพลตฟอร์มของ Grab โดยตั้งเป้าจะสามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบการรายย่อยในอาเซียนได้ 100 ล้านราย ภายในปี 2020

ย้อนกลับไปเดือนมีนาคม Grab สำนักงานใหญ่สิงคโปร์ประกาศเปิดตัว Grab Financial แพลตฟอร์ม FinTech ให้บริการด้านการเงินและประกัน ซึ่งบริการอื่นๆ ของ Grab ที่เกี่ยวกับการเงินอย่าง GrabPay จะถูกรวมอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มนี้ด้วย

ที่มา: Blognone

Microsoft บริการใหม่ๆ ด้าน AI บน Azure AI Platform ในงาน Microsoft Build 2018

ในงาน Microsoft Build 2018 ทาง Microsoft ได้ออกมาประกาศเปิดตัวบริการใหม่ๆ ด้าน AI จำนวนมาก ดังนี้

  • Vision Services เพิ่มความสามารถในการทำ Object Detection ให้กว้างมากขึ้น และปรับแต่งให้ทำการรองรับ Customized Object ได้
  • ปรับปรุงระบบ OCR ให้ดีขึ้น
  • Bing Visual Search มี API ให้ทำการค้นหาข้อมูลด้วยรูปภาพได้แล้ว
  • เปิด Public Preview ให้ Video Indexer สำหรับเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และสร้าง Index ให้ Video Stream
  • เปิดตัว Unified Speech Service ที่รองรับการปรับแต่งการทำ Speech Recognition, Voice Synthesis และ Speech Translator เองได้
  • สามารถ Export Custom Vision Model ออกมาใช้ที่ Edge หรือบนอุปกรณ์ Mobile ได้
  • เปิดตัว Cognitive Search ใช้ AI ทำความเข้าใจเนื้อหา ช่วยให้ผลการค้นหาบน Azure Search แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยการรองรับการทำ OCR, Entity Recognition, Key Phrase Extraction, Language Detection, Image Analysis และอื่นๆ
  • ออกอัปเดตใหม่ให้ Azure Bot Service, Bot Builder SDK v4
  • เปิดตัว QnAMaker แบบ Public Preview
  • เปิดตัว 3 โครงการใหม่ Project Gesture, Project Personality Chat, Projtect Conversation Learner
  • เปิดตัว Azure ML SDK for Python แบบ Preview
  • เปิดตัว Azure ML Packages for Computer Vision, Financial Forecasting และ Text Analytics แบบ Preview
  • เปิดตัว ML.NET ระบบ Cross-platform Open Source ML Framework สำหรับ .NET Developer แบบ Preview ที่ https://github.com/dotnet/machinelearning
  • เปิดตัว Azure ML with Project Brainwave แบบ Preview ทำ Deep Neural Net ด้วยการใช้ Hardware Acceleration ช่วยเร่งความเร็วให้สูงขึ้นเป็นพิเศษได้
ที่มา: TechTalk

Ubuntu 18.04 LTS ออกแล้ว เลิกทำรุ่น 32 บิตแล้ว

ยุคนี้เป็นยุคที่จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วงการ OS แบบ 64 บิตอย่างแท้จริง หลังจากที่ Apple ทำกับ iOS แล้วและจะเตรียมทำกับ macOS ด้วย อีกทั้งเมนบอร์ดที่ใช้ CPU Intel ในปี 2018 ขึ้นไปจะเริ่มตัด Legacy BIOS แบบเดิมทิ้งเหลือแค่ UEFI ที่รองรับแต่ OS แบบ 64 บิตเท่านั้น อ่านข่าว

ล่าสุด Ubuntu Linux ระบบปฏิบัติการฟรีชื่อดัง ก็ประกาศเปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการแล้ว และก็ “เลิกทำรุ่น 32 บิต” ไปแล้วเช่นกัน


โดย Ubuntu ได้เปิดให้ดาวน์โหลด Ubuntu 18.04 LTS อย่างเป็นทางการ โดย LTS นั้นจะเป็นรุ่นที่มีระยะการสนับสนุนยาวนานกว่ารุ่นปกติ มีการอัพเดตความปลอดภัยถึง 5 ปี ใช้ Codename ว่า Bionic Beaver

ซึ่งรุ่นนี้คือ LTS รุ่นแรกที่กลับมาใช้ Desktop แบบ GNOME แทน Unity, มาพร้อมกับ LibreOffice 6.0, OpenJDK 10 ซึ่งเป็น Software ตัวล่าสุด

โดยสามารถดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ https://www.ubuntu.com/download/desktop

ที่มา: Beartai

จีนเพิ่มหลักสูตร AI สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาแล้ว เพื่อผลิตบุคลากรรองรับ ไม่ต้องรอถึงมหาวิทยาลัย

คนที่ติดตามเรื่อง AI คงทราบว่าปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของวงการนี้ในโลกคือการขาดแคลนบุคลากร ล่าสุดจีนมีแผนแก้ปัญหานี้ที่จริงจังขึ้นอีก โดยนำหลักสูตร AI มาใส่เป็นวิชาหนึ่งในระดับมัธยมศึกษาเลย เพื่อสร้างบุคลากรกันตั้งแต่เยาวชน ไม่ต้องรอให้ถึงระดับมหาวิทยาลัย

โดยตำราเรียนวิชานี้ชื่อว่า Fundamentals of Artificial Intelligence มีผู้แต่งหลักคือ Tang Xiaoou ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์สาขาวิศวกรรมสารสนเทศที่ Chinese University of Hong Kong และเป็นประธาน SenseTime สตาร์ทอัพสาย AI ที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดในโลก ร่วมกับทีมอาจารย์จาก East China Normal University และอาจารย์จากโรงเรียนมัธยม 5 แห่งในเซี่ยงไฮ้

หลักสูตรนี้เริ่มทำการเรียนการสอนแล้วในโรงเรียนมัธยม 40 แห่งในจีน และมีแผนจะเพิ่มโรงเรียนให้ได้ทั่วประเทศ ปัจจุบันจีนมีความต้องการบุคลากรด้าน AI ราว 5 ล้านคน ซึ่งตอนนี้ยังขาดแคลนมาก

ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Samsung เปิดตัว microSD รุ่น Pro Endurance เน้นวิดีโอ ความทนทานสูง

Samsung PRO Endurance การ์ดความจำหรือ microSD สำหรับถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ มาพร้อมความทนทานสูง และถ่ายวิดีโอ Full HD ได้สูงสุด 43,800 ชั่วโมง !!
ก่อนหน้านี้ WD ก็เพิ่งเปิดตัว Purple microSD ไป มาสายวิดีโอเหมือนกัน แต่รายนั้นเน้นเรื่องความปลอดภัย รอบนี้ทาง Samsung เอาด้วย แต่เน้นเรื่องความทนทานแทน พบกับ Samsung PRO Endurance การ์ดความจำหรือ microSD สำหรับถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ

Samsung PRO Endurance ในรายงานเผยว่า มาพร้อมความทนทานมากกว่า microSD ทั่วไปถึง 25 เท่า และสามารถกันน้ำ (IEC 60529, IPX7) ใช้งานได้ในอุณหภูมิร้อนสูงสุด 85 องศา และอุณหภูมิหนาวสูงสุด – 25 องศา ทนทานต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและรังสีเอกซ์

สำหรับสเปก PRO Endurance ก็รองรับการถ่ายวิดีโดทั้ง Full HD และ 4K โดยมีความเร็วในการอ่านที่ 100MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 30MB/s มาพร้อมคลาส U1 (Class 10) และ UHS-I มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 32GB, 64GB และ 128GB ส่วนรายละเอียดสเปกและราคามีดังนี้
  • รุ่น 32GB มาพร้อมประกัน 2 ปี บันทึกวิดีโอ Full HD สูงสุด 17,520 ชั่วโมง
  • รุ่น 64GB มาพร้อมประกัน 3 ปี บันทึกวิดีโอ Full HD สูงสุด 26,280 ชั่วโมง
  • รุ่น 128GB มาพร้อมประกัน 5 ปี บันทึกวิดีโอ Full HD สูงสุด 43,800 ชั่วโมง
ส่วนราคาของ Samsung PRO Endurance ก็เริ่มต้นที่ 24.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 800 บาท สำหรับรุ่น 32GB กับ 44.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 1,500 บาท สำหรับรุ่น 64GB และ 89.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB เตรียมวางขายเร็วๆ นี้ครับ

ที่มา: ARiP

เปิดตัว Oculus Go แว่น VR ราคาย่อมเยา มาพร้อมซีพียูและหน้าจอในตัว

หลังมีข่าวมาสักพัก ในที่สุดทาง Oculus ก็เผยโฉมตัวแว่น VR ราคาย่อมเยาแล้ว นั้นคือ Oculus Go แว่น VR แบบ Stand Alone สามารถส่วมใส่แล้วใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องต่อคอมฯ หรือสมาร์ทโฟน เริ่มต้นที่เพียง 199 เหรียญฯ หรือประมาณ 6,400 บาทเท่านั้น


มาตามสัญญา Oculus เปิดตัว Oculus Go แว่น VR แบบ Stand Alone พร้อมใช้งานเลย ไม่ต้องใส่สมาร์ทโฟน หรือเชื่อมต่อกับคอมฯ แต่อย่างใด มาพร้อมคุณภาพและราคาที่เกินคาด

สำหรับตัว Oculus Go ภายในก็มีซีพียู Qualcomm Snapdragon 821 เป็นหน่วยประมวลผลหลัก มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว รวมกันเป็นความละเอียด WQHD (2560 x 1440) รองรับ Refresh Rate ตั้งแต่ 60Hz ถึง 72Hz มีลำโพงและไมโครโฟนในตัว และสุดท้ายแบตฯ ที่สามารถดูวิดีโอได้นาน 2 – 2 ชม.ครึ่ง ถ้าเล่นเกมก็ 1 ชม.ครึ่ง – 2 ชม. ทั้งนี้ตัวแว่นยังมาพร้อมจอยควบคุม (Controller) แยกต่างหากด้วย


ส่วนราคาของ Oculus Go ก็เริ่มต้นที่ 199 เหรียญฯ หรือประมาณ 6,400 บาท สำหรับรุ่น 32GB และ 249 เหรียญฯ หรือประมาณ 7,900 บาท สำหรับรุ่น 64GBปิดให้สั่งจองได้แล้วที่ oculus.com เริ่มส่งของภายในวันที่ 5 – 8 พฤษภาคมนี้ สำหรับ 23 ประเทศแรก (ยังไม่มีไทย…)


ที่มา: ARiP

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ผลสำรวจล่าสุดชี้พนักงานองค์กรเกินครึ่งนิยมใช้ iOS มากกว่า Android

Jamf ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับจัดการอุปกรณ์ Apple ที่ใช้สำหรับองค์กร ได้ออกรายงานผลสำรวจล่าสุดระบุว่า 3 ใน 4 ของกลุ่มพนักงานในองค์กรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ iOS อย่าง iPhone, iPad หรือ Mac ก่อนเป็นอันดับแรก

ทั้งนี้ รายงานของ Jamf ได้ทำการสำรวจจากพนักงานว่า 580 รายในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีพนักงานถึง 72% เลือกใช้งาน Mac และอีก 28% เลือกใช้ PC ขณะที่มีถึง 75% ที่เลือก iPhone หรือ iPad ขณะที่มีเพียง 25% ที่เลือกใช้ Android

นอกจากนี้ ยังมีสถิติที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีกว่า พนักงานถึง 68% ตอบว่าพวกเขาจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากสามารถเลือกอุปกรณ์ใช้ได้เอง รวมทั้งพนักงานอีก 35% ยังระบุว่าหากพวกเขาได้ใช้อุปกรณ์ทำงานที่เลือกเองจะยิ่งส่งผลต่อความภูมิใจเวลาทำงานได้อีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า อุปกรณ์การทำงานที่เลือกใช้นั้นส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพนักงานได้ไม่น้อยเลย

ที่มา: Beartai