วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

iPad Pro รุ่นใหม่ เปิดให้จองแล้ว สินค้าส่งมอบศุกร์ 16 พ.ย. นี้ ตอนนี้มีเฉพาะรุ่น Wi-Fi

น่าจะเป็นสินค้าแอปเปิลที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ที่หลายคนรอคอย โดย iPad Pro รุ่นใหม่ปี 2018 ได้เริ่มเปิดให้สั่งจองสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ Apple Online Store แล้วในวันนี้ โดยสินค้ามีกำหนดเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป หรือสามารถเลือกรับสินค้าได้ที่ Apple Store สาขา Iconsiam

iPad Pro มีให้เลือกสองขนาดหน้าจอคือ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 64GB ไปจนถึงสูงสุด 1TB ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 28,900 สำหรับจอ 11 นิ้ว และ 35,900 บาท สำหรับจอ 12.9 นิ้ว

ทั้งนี้ในเว็บ Apple Online Store จะมีตัวเลือกให้สั่งซื้อเฉพาะ iPad Pro รุ่น Wi-Fi เท่านั้น ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular ยังไม่มีจำหน่าย

สำหรับราคาอุปกรณ์เสริมนั้น Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,490 บาท และ Smart Keyboard Folio เริ่มต้น 6,490 บาท


ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Google เผย Dark Mode ช่วยประหยัดแบตได้สูงสุดราว 60%, ขอโทษที่ผลักดันแอปสีขาว

ในงาน Android Developer Summit ที่กำลังจัดขึ้น Google ได้พูดถึงประโยชน์ของ Dark Mode หรือ Dark Theme ในแอปที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ลงได้มากถึง 60% พร้อมยอมรับความผิดพลาดที่ผ่านมา ที่ผลักดันการดีไซน์แอปที่เน้นสีขาวเป็นหลัก

ตัวอย่างที่ Google ยกมาคือการเล่น YouTube บน Pixel (หน้าจอ AMOLED) ที่ความสว่าง 50% ในโหมดปกติ (สีขาว) จะใช้พลังงานไฟฟ้า 193mA ส่วนใน Dark Mode ใช้พลังงานที่ 185mA (ลดลง 4%) แต่เมื่อเปิดความสว่างสุด โหมดปกติจะกินพลังงานที่ 343mA ขณะที่ Dark Mode กินพลังงานแค่ 197mA (ลดลง 43%) หรือใน Google Maps ที่ความสว่างสุด โหมดปกติกินพลังงาน 250mA ส่วน Night Mode กินพลังงานแค่ 92mA น้อยลงถึง 63%


ปัจจัยสำคัญก็คือแพแนลของ OLED ที่ไม่มีการปล่อยแสงออกมาเมื่อแสดงผลสีดำ ทำให้ใน Dark Mode ตัวหน้าจอกินพลังงานลดลง รวมถึงน้อยกว่าหน้าจอ LCD ใน iPhone 7 ที่เม็ดพิกเซลยังต้องแสดงผลสีดำ และถูกยกขึ้นมาเทียบว่ากินพลังงานแทบไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะโหมดปกติหรือ Dark Mode

แน่นอน Google ยอมรับผิดในเรื่องนี้หลังไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ผลักดันแนวทางการออกแบบที่เน้นสีขาวเป็นหลัก นับตั้งแต่การเปิดตัว Material Design จึงเป็นไปได้ว่า Google น่าจะทยอยออก Dark Mode ให้กับแอปของตัวเองมากขึ้น รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการออกแบบแอปในอนาคตด้วย


ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Google Kubernetes Engine (GKE) รองรับ Containerd แล้ว

Google Kubernetes Engine (GKE) บริการ Kubernetes ของ Google Cloud Platform ประกาศรองรับ Containerd แล้ว

Containerd คือเดมอน/รันไทม์สำหรับรันคอนเทนเนอร์ เดิมทีมันเป็นส่วนหนึ่งของ Docker Engine แต่ภายหลัง Docker บริจาคโครงการให้กับมูลนิธิ Cloud Native Computing Foundation (CNCF) เพื่อเป็นมาตรฐานกลางของวงการ

ความสำคัญของ Containerd คือ Kubernetes สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมี Docker ตัวเต็ม (เพราะใช้ Containerd ก็พอเพียง), ลดการใช้ทรัพยากรโดยรวมลง รองรับจำนวนคอนเทนเนอร์ได้มากขึ้นบนเครื่องขนาดเดิม ส่วนในแง่การใช้งานคงไม่ต่างจากเดิมนัก เพราะ Kubernetes จัดการผ่าน API ให้หมดแล้ว เพียงแต่ในแง่การจัดการต้องใช้เครื่องมือคอมมานด์ไลน์ตัวใหม่คือ crictl ที่ GKE จะติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน

ตอนนี้ GKE เริ่มรองรับ Containerd แบบเบต้า โดยต้องใช้กับ Kubernetes เวอร์ชัน 1.11 ขึ้นไป (เวอร์ชันล่าสุดในปัจจุบันคือ 1.12) แต่กูเกิลก็ประกาศว่าจะเปลี่ยนจาก Docker มาเป็น Containerd ในระยะยาว โดยยังไม่ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าเมื่อไร


ภาพจาก Docker จะเห็นว่า Containerd เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Container Engine ที่มีองค์ประกอบอื่นด้วย

ที่มา: Blognone

ทำได้จริงไม่ได้โม้ AMD โชว์ซีพียู 7 นาโนเมตร EPYC รหัส "Rome" วางขายจริงปี 2019

นอกจาก สถาปัตยกรรม Zen 2 แล้ว AMD ยังโชว์ซีพียูของจริงที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวใหม่นี้ พร้อมใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด นั่นคือซีพียู EPYC รุ่นหน้ารหัส "Rome"

ข้อมูลของ EPYC "Rome" เท่าที่เปิดเผยคือ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 และมีจำนวนคอร์สูงสุด 64 คอร์, รองรับ PCIe 4.0, เพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำอีกเท่าตัว, ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อน และประสิทธิภาพด้านการประมวลผลทศนิยมเพิ่มขึ้น 4 เท่า

EPYC "Rome" ยังใช้ซ็อคเก็ตแบบเดียวกับ EPYC รุ่นปัจจุบัน (โค้ดเนม "Naples") และจะรักษาความเข้ากันได้กับ EPYC ตัวถัดไป (โค้ดเนม "Milan")

EYPC "Rome" จะวางขายในปีหน้า 2019 แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจน

เส้นกราฟบาดใจคู่แข่ง


ที่มา: Blognone

ธนาคาร HSBC เกิดเหตุ Data Breach ข้อมูลบัญชีลูกค้ารั่วสู่สาธารณะ

วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ธนาคาร HSBC ได้ยื่นแจ้งต่อสำนักอัยการสูงสุด ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ระบุว่าธนาคารถูกผู้ไม่ประสงค์ดีโจมตีจนเกิดเหตุ Data Breach ส่งผลให้ข้อมูลของลูกค้าส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น หมายเลขบัญชี ยอดเงิน ที่อยู่ ประวัติการทำธุรกรรม และอื่นๆ รั่วไหลสู่ภายนอก


ธนาคารระบุในรายงานที่ยื่นต่อสำนักอัยการสูงสุดว่า ตรวจพบผู้ไม่ประสงค์ดีแอบเข้าถึงข้อมูลบัญชีออนไลน์ของลูกค้าอย่างไม่มีสิทธิ์เมื่อช่วงวันที่ 4 – 14 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจึงได้หยุดการให้บริการออนไลน์สำหรับลูกค้าบางรายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อีก รวมไปถึงแจ้งเตือนลูกค้าเหล่านั้นผ่านทางการโทรศัพท์และอีเมลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำในการเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่

แหล่งข่าวที่ติดตามเหตุการณ์นี้ระบุว่า Data Breach ที่เกิดขึ้นกับธนาคาร HSBC ส่งผลกระทบต่อบัญชีของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ประมาณ 1% และคาดว่าผู้ไม่ประสงค์ดีได้ข้อมูลล็อกอินสำหรับเข้าถึงระบบของ HSBC มาจากเหตุการณ์ Data Breach อื่นที่เคยเกิดขึ้น ส่งผลให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีออนไลน์ของลูกค้าเหล่านั้นได้ ได้แก่ ชื่อนามสกุล วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัญชี ยอดเงิน ประวัติการทำธุรกรรม เป็นต้น ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่การโจมตีช่องโหว่ของระบบธนาคารแต่อย่างใด

เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย ธนาคาร HSBC ได้เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในการลงชื่อใช้งานระบบออนไลน์และกระบวนการพิสูจน์ตัวตนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งแนะนำให้ลูกค้าใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันสำหรับระบบออนไลน์ที่สำคัญแต่ละระบบ

ที่มา: TechTalk

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รวมรีวิว iPad Pro 2018 แรงแค่ไหนแต่ iPad ก็ยังคงเป็นแค่ iPad

iPad Pro 2018 ที่หลายๆ คนน่าจะว้าว มากกว่า iPhone รุ่นใหม่ เริ่มได้รับการรีวิวจากสื่อต่างประเทศแล้วก่อนวางจำหน่ายจริงวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้

ในภาพรวมคือดีไซน์สวย หน้าจอดีแต่ไม่ได้ดีขึ้นกว่า iPad Pro ปีที่แล้วขนาดเห็นความแตกต่าง Apple Pencil ใหม่คือความดีงามโดยเฉพาะการชาร์จแบบไร้สายเวลาติด Apple Pencil ไว้กับ iPad Pro ทว่าการเพิ่มการควบคุมปากกาด้วยระบบสัมผัส The Verge ระบุให้ความรู้สึกแปลกๆ และไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับปุ่มจริง ขณะที่ Face ID ก็ยังคงทำงานได้ดีเหมือน iPhone แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือสามารถสแกนหน้าแบบกลับหัวได้ด้วย กรณีที่ถือ iPad กลับด้าน


การเปลี่ยนไปใช้พอร์ท USB-C เป็นอีกหนึ่งข้อดีของ iPad Pro เพราะสามารถใช้งานกับ USB-C Hub ยี่ห้ออื่นๆ ได้สบายและรองรับทั้ง HDMI, VGA, Card Reader, Ethernet หรือต่อเข้าหน้าจอนอกที่ความละเอียด 5K ได้สบาย รวมถึงรองรับเอ้าพุทออดิโอทั้งดิจิทัลและแอนาล็อคด้วย อย่างไรก็ตามการนำพอร์ท 3.5 มม. ออกก็อาจสร้างปัญหาให้กับกลุ่มผู้ใช้สายงานดนตรีบ้างอยู่เหมือนกัน ไม่นับรวมอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ ปริ๊นเตอรหรือไมโครโฟนที่เป็น USB-C กลับไม่สามารถใช้งานกับ iPad ผ่านพอร์ทได้

ในแง่ประสิทธิภาพหรือความแรงจากชิปเซ็ต A12X Bionic ที่แอปเปิลอ้างในคีย์โน้ตเปิดตัวว่าแรงกว่าแล็บท็อปหรือกราฟิคแรงระดับ Xbox One S นั้น จากการรันเบนช์มาร์คหรือทดสอบการเรนเดอร์ผ่าน Lightroom และ Photoshop รวมถึงแปลงไฟล์วิดิโอ 4K เป็น FHD ผ่าน Premier Rush (ที่ไฟล์ออกมาแค่ FHD เพราะ Premier Rush เอ็กซ์พอร์ทได้สูงสุดแค่นั้น) ก็พบว่าแรงและเร็วกว่าแท็บเล็ตหรือแม้แต่แล็บท็อปได้จริง


อย่างไรก็ตามถึงแม้ประสิทธิภาพของ iPad Pro จะแรงแค่ไหน แต่ข้อจำกัดที่ทำให้ iPad Pro ยังคงเป็นแค่ iPad และไม่สามารถใช้งานทดแทนพีซีได้เป็นส่วนใหญ่ ก็คือ iOS และข้อจำกัดของแอปเป็นสำคัญ

ประเด็นที่ใหญ่ที่สุดคือ iOS ไม่รองรับสตอเรจนอกใดๆ เลยนอกจาก SD Card จากกล้องเท่านั้น ขณะที่การอิมพอร์ทรูปไปยัง Lightroom หรือ Photoshop ก็ไม่สามารถอิมพอร์ทเข้าแอปโดยตรง ต้องผ่าน Camera Roll ก่อนและหากคุณเป็นช่างกล้องที่ต้องอิมพอร์ทไฟล์ RAW เยอะๆ แล้วก็อาจจะเจอปัญหาความจุของ iPad เข้าไปอีกทอด อย่างไรก็ตามแอปเปิลระบุว่าแอปของ Adobe จะมี Siri Shortcut สำหรับอิมพอร์ทรูปจาก Camera Roll ไป Lightroom พร้อมลบรูปให้หลังอิมพอร์ท ทว่ายังไม่เปิดใช้งาน


ส่วนเรื่องของแอปบน iOS ที่เป็นปัญหาเพราะไม่ซัพพอร์ทบางฟีเจอร์เหมือนบนพีซี แอปบน iPad ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแอปลูกเมียน้อยที่ถูกตัดฟีเจอร์ลงจากแอปเวอร์ชันเต็ม มีเพียงแอปของแอปเปิลเองเท่านั้นที่รองรับความสามารถของ iPad เต็มๆ อาทิ Keynote ที่จะแสดงสไลด์ต่อไปบน iPad และสไลด์ปัจจุบันบนจอนอก รวมถึงว่าไม่มีเกมบน iOS ที่ดึงความแรงของ iPad ออกมาได้เต็มที่ในระดับเทียบเท่า Xbox One S

สรุปคือถ้ามอง iPad Pro ในฐานะแท็บเล็ต มันคือเบอร์ 1 ไร้คู่แข่ง ทำงานคู่กับ Apple Pencil ได้ลงตัว คนที่เน้นทำงานด้วยปากกาจะตอบโจทย์ตรงนี้ แต่ถ้าใครมีโจทย์คือใช้งานแทนพีซี อาจจะต้องดูในรายละเอียดอีกครั้งว่างานลักษณะไหนที่ทำเป็นส่วนใหญ่ และ iPad Pro ตอบโจทย์ตรงนี้หรือไม่ แน่นอนว่าราคาก็อาจต้องเข้ามาเป็นปัจจัยในการพิจารณาด้วย เมื่อรวมกับค่าเคสคีย์อบร์ดเข้าไป


คะแนนรีวิว
  • The Verge 7.5/10
  • WIRED 8/10
  • TechRadar 4/5
  • LaptopMag (เครือเดียวกับ Tom's Guide) 4.5/5
ที่มา: Blognone

4 สิ่งที่จะเกิดกับ Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax ในปี 2019

Wi-Fi 6 หรือที่รู้จักกันในนาม 802.11ax ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นมาตรฐาน Wi-Fi ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปี 2019 ถัดจาก Wi-Fi 5 หรือ 802.11ac ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน บทความนี้จะมาสรุปให้ได้อ่านกันครับว่า ในปี 2019 ที่จะถึงนี้ Wi-Fi 6 จะหน้าตาเป็นอย่างไร และเหล่า Vendor ผู้ให้บริการ Wi-Fi จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง


1. รองรับเทคโนโลยี MU-MIMO

 

Wi-Fi 6 ถูกออกแบบมาสำหรับสภาวะแวดล้อมที่มีการใช้คลื่นสัญญาณวิทยุอย่างหนาแน่น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน โดยรองรับเทคโนโลยี Multi-user, Multiple-input, Multiple-output (MU-MIMO) ซึ่งช่วยให้ AP สามารถรับส่งข้อมูลให้กับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 8 คนพร้อมกันด้วยความเร็วที่เท่าๆ กัน

 

2. มาพร้อมกับเทคโนโลยี OFDMA

 

Orthogonal Frequency Division Multiple Access (OFDMA) เป็นเทคโนโลยีการซอยช่องสัญญาณออกเป็นช่องย่อยๆ จำนวนมากเพื่อนำส่งข้อมูลกับอุปกรณ์ที่แตกต่างกันพร้อมๆ กัน ดังนั้น AP จะสามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้นในคราวเดียว เหมาะสำหรับยุค Internet of Things ที่ทุกอุปกรณ์มีการเชื่อมต่อถึงกัน

 

3. AP เตรียมให้บริการในปี 2019 แต่ Endpoint อาจต้องรอถึงปี 2020

 

AP ระดับใช้งานในองค์กรที่รองรับมาตรฐาน Wi-Fi 6 เริ่มมีให้บริการแล้ว เช่น AP630, AP650 และ AP650X จาก Aerohive โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ $1,200 (40,000 บาท) ในขณะที่ Cisco และ HPE Aruba คาดว่าจะเริ่มให้บริการ AP มาตรฐาน Wi-Fi 6 ในปี 2019 นี้ ส่วน AP ระดับใช้งานทั่วไป ทั้ง D-Link, Asus และ TP-Link ต่างเริ่มให้บริการแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ Endpoint ไม่ว่าจะเป็น PC, โน๊ตบุ๊ก, แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะเริ่มรองรับ Wi-Fi 6 ในปี 2020

 

4. Wi-Fi 6 ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานอย่างเป็นทางการ แต่ไม่เกินปี 2019 นี้

 

มาตรฐาน Wi-Fi 6 ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ก่อนหน้านี้ร่างมาตรฐานทั้ง 2 ฉบับต่างถูกคณะกรรมการของ IEEE ตีตกไป แต่คาดว่ามาตรฐานจะเรียบร้อยภายในปี 2019 นี้ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร่างมาตรฐานไม่ได้รับการอนุมัติมาจากการที่ Vendor หลายรายต่างพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองออกมาก่อนที่มาตรฐานจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติของโลก Wi-Fi อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มที่หลายๆ Vendor เริ่มให้บริการ AP มาตรฐาน Wi-Fi 6 กันแล้ว อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เริ่งให้ IEEE อนุมัติมาตรฐานก็เป็นได้

ที่มา: TechTalk

รวม 10+ ลิงค์สอนใช้งาน Kubernetes เบื้องต้นฟรี ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

Kubernetes นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดของปีนี้ สำหรับใช้ในการบริหารจัดการ Container Cluster และมีบทบาทเป็นอย่างมากในระบบ Application สมัยใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบใหม่ ในบทความนี้เราจะขอรวบรวมลิงค์ต่างๆ สำหรับใช้ในการศึกษาและเรียนรู้ Kubernetes ที่สามารถเข้าถึงกันได้ฟรีๆ ดังนี้ครับ

 
ภาษาอังกฤษ

ภาษาไทย
ที่มา: TechTalk

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

SCB ร่วมมือกับ apartmentery ให้ลูกค้าจ่าย QR ตรงเข้าหอพัก แต่แพลตฟอร์มได้ข้อมูลด้วย

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ร่วมมือกับ apartmentery เปิดบริการจ่ายเงินค่าหอพักผ่าน PromptPay QR โดยความพิเศษคือ เมื่อลูกค้าหอพักโอนเงินเข้าไปยังบัญชีเจ้าของหอพักแล้ว ทาง SCB จะยิง callback ไปยัง apartmentery เพื่อสร้างใบเสร็จรับเงินได้ทันที

กระบวนการนี้มีข้อดีสำคัญคือ กระบวนการออกใบเสร็จเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด เจ้าของหอพักไม่ต้องเสียเวลามาตรวจสอบว่าเงินก้อนใดมาจากลูกค้าคนใด แม้ยอดเงินตรงกันหรือกระทั่งบัญชีต้นทางตรงกัน (เช่นฝากกันจ่าย) ก็สามารถแยกใบเสร็จออกจากกันได้

กระบวนการสมัครบริการนี้ยังเป็นระบบแมนนวล โดยผู้สนใจต้องกรอกแบบฟอร์มแสดงความสนใจ และรอธนาคารติดต่อกลับภายหลัง

บริการ Thai QR Payment ที่มี callback กลับไปยังแพลตฟอร์มนั้นมีมาสักระยะแล้ว เช่น SCB ที่ร่วมมือกับ Gourmet ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และ 2C2P เปิดบริการให้ลูกค้ารายใหญ่ การเปิดบริการของ apartmentery ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่เจ้าของกิจการรายย่อยเริ่มใช้บริการได้ด้วย ต่อจาก Wongnai POS แต่ก็ยังไม่มีธนาคารใดเปิดให้นักพัฒนาภายนอกพัฒนา webhook ไปเชื่อมต่อกันได้เองอย่างอิสระ


ที่มา: Blognone

Alibaba เปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ใช้หุ่นยนต์มากที่สุด รองรับ 11.11 ที่จะมาถึง

Cainiao Network บริษัทจัดการโลจิสติกส์ที่ Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด (ร่วมกับบริษัทขนส่งหลายแห่ง) เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู โดยบอกว่าเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้หุ่นยนต์ดำเนินงานขนาดใหญ่ที่สุดในจีน มีหุ่นยนต์อัตโนมัติราว 700 ตัว

Ben Wang ประธานของ Cainiao ระบุว่าในเทศกาลวันช้อปปิ้งคนโสด 11 เดือน 11 ที่จะมาถึง ประเมินว่าจำนวนคำสั่งซื้อที่ต้องจัดส่งจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่มากและรวดเร็ว ศูนย์กระจายสินค้านี้มีประสิทธิภาพรองรับคำสั่งซื้อได้มากกว่าแบบดั้งเดิม 50%

หุ่นยนต์ในศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ จะเคลื่อนที่เพื่อรอรับสินค้าตามคำสั่งซื้อ แล้วคนมีหน้าเติมสินค้าตามที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีระบบวิดีโอดูภาพรวมเพื่อตรวจหาปัญหาการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์และแจ้งเตือนให้คนเข้าไปดูหากจำเป็น (ดูคลิปได้ท้ายข่าว)

ถึงแม้จะใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติมากขึ้น แต่ Wang ก็บอกว่าไม่มีความคิดที่จะทำศูนย์กระจายสินค้า แบบไม่ต้องใช้คนเลย เพียงแต่ใช้คนน้อยลงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ทั้งนี้ Alibaba คาดว่าเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 นี้ จะทำสถิติใหม่อีกครั้ง รวมทั้งเตรียมแผนรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั่วโลกผ่าน AliExpress และ Tmall World ด้วย โดยเตรียมเที่ยวบินเช่าเหมาลำ 51 เที่ยวบิน และเรือขนส่งสินค้ากว่าพันคอนเทนเนอร์


ที่มา: Blognone