วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

Tesla เปิดตัว Model S และ X ใหม่ มีรุ่นย่อย Plaid ทะยาน 0-100 กม./ชม. ใน 2 วินาที ออกแบบภายในใหม่หมด

วันนี้ Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ Model X รุ่นใหม่ ที่หน้าตาภายนอกยังคงคล้ายเดิมอยู่มาก แต่ภายในถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือเค้าเดิม รวมถึงเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Plaid และ Plaid+ ที่โฆษณาว่าเป็นรถที่มีผลิตขายจริงรุ่นแรกที่ทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2 วินาที

เริ่มที่ Model S กันก่อน ขณะนี้ Tesla มี Model S จำหน่ายเพียง 3 รุ่นย่อยเท่านั้น คือ Long Range, Plaid และ Plaid+ เพื่อให้ผลิตง่ายที่สุด โดย Long Range ราคาเริ่มต้น 79,990 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.4 ล้านบาท เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที วิ่งได้ระยะทาง 663 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

ในขณะที่รุ่น Plaid (แปลว่าลายตาราง แต่ Tesla น่าจะหมายถึงธงลายหมากรุกที่ใช้ในสนามแข่ง) มีพละกำลังถึง 1,020 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ใน 1.99 วินาที หรือหากเป็น 0-100 กม./ชม. ก็คงอยู่ราว 2 วินาที ความเร็วสูงสุด 321 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทาง 627 กิโลเมตร โดยสิ่งที่ทำให้ทำความเร็วได้หลุดโลกขนาดนี้คงมาจากการเพิ่มมอเตอร์จาก 2 ตัวในรุ่นธรรมดา เป็น 3 ตัว ราคาเริ่มต้น 119,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 ล้านบาท

สุดท้ายคือรุ่น Plaid+ ที่ถือว่าสเปกสุดโต่งมาก มาพร้อมพละกำลังมากกว่า 1,100 แรงม้า เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ "น้อยกว่า" 1.99 วินาที แต่กลับทำระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้มากกว่า 836 กิโลเมตร สูงกว่ารุ่น Long Range เสียด้วยซ้ำ จึงน่าสังเกตว่า Tesla ได้ปรับปรุงแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงพิเศษสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะหรือไม่ วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 4.2 ล้านบาท

นอกจากเรื่องประสิทธิภาพ Tesla ยังออกแบบภายในของ Model S ใหม่หมด โดยรวมดูหรูหราและเป็นมิตรมากขึ้น ลดเส้นสายฉูดฉาดลง มินิมอลคล้ายๆ Model 3 หน้าจอขนาด 17 นิ้วถูกปรับจากแนวตั้งเป็นแนวนอน


ส่วนที่เปลี่ยนมากที่สุดคือพวงมาลัย เพราะกลายเป็นพวงมาลัยแบบไม่เต็มวง หรือ Yoke Steering คล้ายรถแข่ง F1 อย่างไรก็ตามมีสื่อต่างประเทศบางสำนักตั้งข้อสังเกตว่า Tesla ไม่น่าจะใช้พวงมาลัยแบบนี้จริงๆ เพราะไม่ค่อยถนัดในการใช้งานจริง

สำหรับผู้โดยสารตอนหลังก็มีจอขนาด 8 นิ้วไว้เพื่อความบันเทิง โดย Tesla ระบุว่าชิปประมวลผลขนาด 10 เทราฟลอปส์สามารถเล่นเกม The Witcher 3 และ Cyberpunk 2077 ได้ด้วย (รถ Tesla สามารถต่อจอยไร้สายเล่นเกมได้อยู่แล้ว)

รถที่ถูกปรับปรุงใหม่อีกรุ่นคือ Model X โดยมีรุ่นย่อย 2 รุ่นคือ Long Range กับ Plaid (ไม่มี Plaid+) ซึ่งรุ่น Plaid ของ Model X นั้นทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม. และวิ่งได้ระยะทาง 547 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 119,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 ล้านบาท เท่ากับ Model S

ส่วนภายในของ Model X ก็เหมือน Model S แทบทุกจุด เพียงแต่สามารถเลือกที่นั่งแบบ 5, 6 หรือ 7 ที่นั่งก็ได้

Tesla Model S รุ่น Long Range และ Plaid จะเริ่มส่งมอบในเดือนมีนาคม และ Plaid+ จะมาช่วงปลายปีนี้ ส่วน Model X ทั้งสองรุ่นย่อยจะเริ่มส่งมอบในเดือนเมษายน

ที่มา: Blognone

ประสบความสำเร็จ ยอดขาย Mac เพิ่มขึ้นกว่า 31% หลัง Apple เปิดตัว M1

Gartner รายงานว่ายอดขาย Mac ทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 นั้นเพิ่มขึ้นมหาศาล หลังจาก Apple เปิดตัวชิปใหม่อย่าง Apple M1 โดย Apple ขาย Mac ไปได้ทั้งสิ้นรวม 6.9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจาก 5.25 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นถึง 31.3% เลยทีเดียว

แม้ว่ายอดขายของ Mac จะเพิ่มขึ้นจริง แต่ Lenovo ยังคงครองยอดขาย PC อันดับหนึ่งของโลก ด้วยยอดขายรวมทั้งหมด 21.49 ล้านเครื่อง ตามด้วย HP และ Dell ด้วยยอดขาย 15.68 และ 13.19 ล้านเครื่องตามลำดับ Apple ยังอยู่อันดับ 4 อยู่ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 7.3% เป็น 8.7%

ในสหรัฐอเมริกานั้น Apple เป็นผู้จำหน่าย PC อันดับ 4 เช่นเดียวกับตัวเลขในระดับโลก มีการจัดส่ง PC จำนวน 2.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านเครื่องในปี 2019 ถือว่าเติบโตขึ้น 32% ส่วน HP, Dell, Lenovo และ Microsoft มีการเติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็น่าจะมีผลมาจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ด้วย

IDC ยังเผยตัวเลขที่สอดคล้องกันว่า Apple ขาย Mac ได้ประมาณ 7.4 ล้านเครื่องเพิ่มขึ้นจาก 4.9 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เติบโตขึ้น 49.2% ในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าตัวเลขจาก Gartner และ IDC นั้นเป็นการเก็บข้อมูลมาอีกที ไม่ใช่ตัวเลขที่แน่นอน ตัวเลขที่แน่นอนนั้นมีเพียง Apple เท่านั้นที่ทราบครับ

ที่มา: Beartai

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

ชาว Apple Watch ในไทยเฮ!! เตรียมใช้ฟีเจอร์ ECG ได้แล้วใน watchOS 7.3

วันนี้ Apple ได้ประกาศได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทยแล้ว โดยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท Class I พร้อมปล่อยอัปเดต watchOS 7.3 รุ่น Release Candidate แล้ว แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งอื่นๆ กลายเป็นที่ฮือฮาสำหรับชาว Apple Watch ในประเทศไทย ที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ ECG หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีมานานตั้งแต่ Apple Watch Series 4 ได้แล้ว


ใน watchOS 7.3 ที่เตรียมปล่อยอัปเดตนี้ ผู้ใช้ชาวไทยจะสามารถใช้ฟีเจอร์ ECG ที่ทุกคนต่างรอคอยบน Apple Watch Series 4 ขึ้นไป (ยกเว้น Apple Watch SE) และการแจ้งเตือนหากหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) โดยครั้งนี้ประเทศไทยก็อยู่ในลิสต์สำหรับ 2 ฟีเจอร์นี้ด้วย ฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ ต่างให้ข้อมูลสำคัญให้กับแพทย์ได้

โดยในเวอร์ชันนี้เป็นเพียงเวอร์ชัน Release Candidate สำหรับนักพัฒนาก่อนการอัปเดตเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจะได้อัปเดตกันในไม่ช้านี้แล้ว


ที่มา: Beartai

ญี่ปุ่นเจ๋ง! พัฒนาระบบ AI จดจำใบหน้าแม้จะสวมใส่หน้ากากอนามัย

ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 นี้เป็นที่แน่นอนว่าทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่กำลังระบาด แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือในขณะที่สวมใส่หน้ากากอนามัยนั้น เราจะไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นใคร ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมได้ หรือหากต้องถอดหน้ากากอนามัยเพื่อยืนยันตัวตนก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท NEC จากประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า NeoFace Live Facial Recognition ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ทำให้สามารถยืนยันตัวตนได้แม้ว่าจะใส่หน้ากากอนามัยก็ตาม โดยระบบการทำงานของเจ้าตัวอัลกอริทึมนี้จะสแกนในส่วนของใบหน้าที่ไม่ได้ถูกปกปิด และจากการคิดค้นพัฒนาจนได้ระบบที่มีประสิทธิภาพนั้นจึงทำให้การยืนยันตัวตนของ NeoFace Live Facial Recognition ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งวินาที โดยมีอัตราความแม่นยำมากกว่า 99.99% เลยทีเดียว


โดยตำรวจนครบาลของญี่ปุ่นได้เป็นกลุ่มผู้ทดลองใช้ระบบของ NEC เพื่อการเปรียบเทียบใบหน้าในฝูงชน นอกจากนี้สายการบินลุฟต์ฮันซา (lufthansa) และสวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (Swiss International Air Lines) ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าของ NEC ด้วย และ NEC ยังได้ทดลองใช้ระบบสำหรับการชำระเงินอัตโนมัติที่ร้านค้าในสำนักงานใหญ่ในโตเกียวอีกด้วย


Shinya Takashima ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกแพลตฟอร์มดิจิทัลของ NEC ได้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ระบบดังกล่าวจะทำให้ผู้คนสามารถเลี่ยงการสัมผัสกับพื้นผิวต่างๆ ได้ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้คนได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนเกิดข้อกังวลว่า ระบบดังกล่าวจะเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่ โดยมีข้อพิพาทในกรณีที่กองกำลังตำรวจชาวเวลล์นำไปใช้ในทางมิชอบด้วยกฏหมาย ซึ่งคดีดังกล่าวถูกนำทีมโดยนักรณรงค์เพื่อสิทธิพลเมือง นอกจากนี้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ IBM ได้ถูกระงับการใช้ระบบจดจำใบหน้าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาทางด้านกฏหมายอีกทีหนึ่ง

ที่มา: Beartai

เปิดตัว Raspberry Pi Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว ราคา 150 บาท

Raspberry Pi เปิดตัว Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว รันด้วยชิป RP2040 ซีพียูดูอัลคอร์ Cortex M0+ คล็อกสูงสุด 133MHz แรมแบบ static ขนาด 264KB ชิปแฟลชแบบ QSPI 2MB มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ 12-bit ติดตั้งมาให้ในตัว พอร์ท micro USB-B, GPIO 26 ขา, UART 2 ขา, SPI 2 ขา I²C 2 ขา และ PWM pin อีก 16 ขา (ต่อพินแยกเอง)

Raspberry Pi Pico รองรับไฟสูงสุด 1.8-5.5v ราคา 4 เหรียญ ส่วน Cytron นำเข้ามาขายที่ 150 บาท

ที่มา: Blognone

Microsoft Teams เตรียมเพิ่ม Meeting Recap สรุปการประชุมให้พร้อมไฟล์เสียง, ทรานสคริปต์

ในงาน Microsoft Ignite ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวฟีเจอร์สรุปการประชุมบน Microsoft Teams ล่าสุด ทาง Microsoft เผยว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ Meeting Recap ภายในปลายเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

Meeting Recap คือการจัดเก็บไฟล์ประชุม, แชท, พรีเซนเทชั่นและไฟล์ที่แชร์กันระหว่างประชุมมาให้หลังจบการประชุม สามารถเข้าถึงได้ผ่านแท็บ Chat เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่หน้าจอประชุมตลอดเวลา หรือสมาธิหลุดไประหว่างเรียนออนไลน์


นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่ม History Menu เข้ามาด้วย เพื่อย้อนดูกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้งานทำบน Microsoft Teams เพื่อที่ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกด back บ่อยๆ ซึ่งจะเปิดใช้งานภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นกัน

ที่มา: Blognone

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2564

อินเทลเปิดตัว RealSense ID ชุดกล้องสแกนหน้า ประมวลผลใบหน้าได้ในตัว

อินเทลเปิดปี 2021 ด้วยกล้องวัดระยะลึกแบรนด์ RealSense ที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2014 รุ่นใหม่คือ RealSense ID Facial Authentication กล้องวัดระยะลึกพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าในตัว (มี SoC ในตัว, ไม่ต้องเชื่อมต่อเครือข่าย) เหมาะกับการนำไปติดตั้งที่ประตู, จุดขายสินค้า (POS), ตู้ ATM หรือตู้ kiosk ชนิดอื่นๆ

กล้อง RealSense มีอัตราแม่นยำ 99.76%, สตอเรจเข้ารหัสข้อมูลใบหน้า แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ F455 ที่เป็นกล่องสำเร็จรูปมาให้พร้อม ตัวละ 99 ดอลลาร์ และรุ่น F450 เป็นบอร์ดสำเร็จรูปเพื่อนำไปใช้เชื่อมกับโมดูลอื่น ตัวละ 75 ดอลลาร์


ที่มา: Blognone