สืบเนื่องจากเหตุกราดยิงที่ San Bernardino ในเขตของรัฐแคลิฟอร์เนีย
เมื่อปี 2015 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 14 ราย ซึ่งหนึ่งในหลักฐานที่ FBI
รวบรวมได้เป็น iPhone ที่ถูกใส่รหัสผ่านไว้ ทำให้ FBI ร้องขอต่อศาลในสหรัฐฯ
ออกคำสั่งให้ Apple พัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS รุ่นพิเศษ
เพื่อให้ทางการสหรัฐฯ สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมจาก
iPhone ที่ถูกล็อคไว้ แต่คำร้องดังกล่าวถูก Apple ปฏิเสธ
เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ iOS
ทั่วโลก
จากจดหมายของ Tim Cook ซีอีโอ Apple
ที่ยื่นเรื่องปฏิเสธคำขอจาก FBI และศาลในสหรัฐฯ ในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ
iOS รุ่นพิเศษ เพื่อให้หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ
สามารถข้าถึงข้อมูลภายในได้ โดยระบุชัดเจนว่าด้วยคำสั่งที่ Apple
ได้รับนับเป็นขั้นตอนที่คุกคามความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าทั่วโลก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ Apple ซึ่งเราไม่เห็นด้วย
ที่ผ่านมา Apple เคารพในความเป็นมืออาชีพของ FBI และเชื่อในความตั้งใจที่ดี
และ Apple ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งที่อยู่ในอำนาจของเรา
และดำเนินการตามกฎหมายที่จะช่วยให้ FBI สามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน iPhone
ของผู้ก่อการร้ายได้ แต่สิ่งที่ Apple ได้รับการร้องขอกลับมีความอันตรายเกินไป
นอกจากนี้ Tim Cook ยังชี้ให้เห็นว่า
หากวิธีในการเข้าถึงข้อมูลหรือวิธีหลีกเลี่ยงการใส่รหัสผ่านถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ หรือตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี
จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างเสรี
และการที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าเครื่องมือที่ร้องขอต่อ Apple
จะถูกนำมาใช้ในคดีนี้เพียงคดีเดียว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้
ทางด้าน Sundar Pichai ซีอีโอ Google
ได้ออกมาทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ในเชิงสนับสนุน Tim Cook
ว่าการบังคับให้บริษัทเปิดระบบที่ช่วยให้เกิดการเข้าถึงข้อมูล
อาจทำให้ผู้ใช้ขาดความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Google
ทราบดีว่าการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานความมั่นคง
เพื่อปกป้องประชาชนให้รอดพ้นจากอาชญากรรมและการก่อการร้าย โดย Google
ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยต่อการเก็บข้อมูล
และเรายังให้การบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
หากอยู่ภายใต้คำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขัดแย้งกับสิ่งที่บริษัทกำหนด
ซึ่งการช่วยให้เกิดการเข้าถึงอุปกรณ์และข้อมูลข้อมูล นับเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
ที่มา: ARiP