วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

RoV เริ่มทดสอบใช้ระบบสแกนใบหน้าเพื่อเช็คอายุผู้เล่นเกมแล้ว


Tencent เจ้าของ Honour of Kings หรือ RoV เวอร์ชั่นประเทศจีน เกมออนไลน์สุดฮิตแห่งยุค กำลังเริ่มทดสอบระบบจดจำใบหน้าเพื่อมายืนยันตัวตนและตรวจสอบอายุของผู้เล่นแล้ว โดยจะเริ่มทดสอบกับผู้เล่นหน้าใหม่กลุ่มเล็กๆ ที่อาศัยในปักกิ่งและเสินเจิ้น ตามรายงานจาก BBC

ทั้งนี้ Tencent ถูกกดดันจากสื่อท้องถิ่นในประเทศจีน รวมทั้งตกเป็นเป้าโจมตีของสังคมในกรณีที่ถูกมองว่าทำให้เด็กๆ เสพติดการเล่นเกมดังกล่าวอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ทาง Tencent เองเคยออกนโยบายให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถเล่นได้ 1 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่วัยรุ่นอายุ 13-18 ปี เล่น RoV ได้สูงสุด 2 ชั่วโมง

ล่าสุด Tencent ต่อยอดนโยบายเข้มงวดดังกล่าวด้วยการเพิ่มระบบการสมัครด้วยการใช้ชื่อจริง รวมทั้งระบบจดจำใบหน้าเพื่อเข้ามาควบคุมเวลาการเล่นของผู้เล่นแต่ละวัยได้แม่นยำมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลจีนที่รณรงค์ให้ควบคุมการเล่นเกมของเด็กและเยาวชน

ที่มา: Beartai

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Tesla ผลิตรถยนต์ในไตรมาส 3 ได้มากเป็นประวัติการณ์ที่ 80,142 คัน ส่งมอบรวม 83,500 คัน

วันนี้ Tesla รายงานสถิติการผลิตและส่งมอบรถยนต์ของไตรมาส 3/2018 โดยทำลายสถิติของตัวเองที่ทำไว้ตอนไตรมาส 2/2018 ด้วยการผลิตรถยนต์ทุกรุ่นรวมกันได้ถึง 80,142 คัน แบ่งเป็น Tesla Model 3 ถึง 53,239 คัน และ Model S กับ X รวมกันที่ 26,903 คัน

Tesla ได้ให้รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการผลิตรถรุ่นสำคัญอย่าง Model 3 ว่าระหว่างไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทได้เปลี่ยนจากการผลิตรถขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์เดี่ยวอย่างเดียว มาเป็นการผลิตรถรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ ทำให้โดยรวมของไตรมาส 3 บริษัทผลิตรถรุ่นมอเตอร์คู่มากกว่ารุ่นมอเตอร์เดี่ยวเสียอีก และในสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 3 ได้ผลิตรถรุ่นมอเตอร์คู่อย่างเดียว

ในส่วนของการส่งมอบรถยนต์ Tesla ระบุว่าส่งมอบรถในไตรมาส 3 ไปทั้งสิ้น 83,500 คัน แบ่งเป็น Model 3 55,840 คัน, Model S 14,470 คัน และ Model X 13,190 คัน อย่างไรก็ตามเรายังคงเห็นข่าวกันอยู่เรื่อยๆ ว่า Tesla มีปัญหาด้านการส่งมอบที่ค่อนข้างช้า และ Elon Musk ก็เคยบอกว่ากำลังแก้ปัญหานี้อยู่


ที่มา: Blognone

Apple อาจจัดงานพิเศษเดือนตุลาคมนี้ ต้อนรับ iPad และ Mac รุ่นใหม่


วันที่ 12 เดือนกันยายนที่ผ่านมา Apple เปิดตัวผลิตถัณฑ์ใหม่ทั้งหมดสองไลน์สินค้าได้แก่ Apple Watch Series 4 และ iPhone XS (Max) ซึ่งหลายๆ คนอาจจะผิดหวังเพราะบางคนก็รอทั้ง iPad Pro และ Mac รุ่นใหม่เป็นต้น

ล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า Apple อาจจัดงานพิเศษขึ้นในเดือนตุลาคม (เดือนนี้) อีกครั้งเพื่ออัปเดทสินค้าตระกูล iPad และ Mac ครับ แล้วจะมีอะไรใหม่บ้าง มาชมกันครับ

iPad Pro ใหม่


สำหรับ iPad Pro นั้นคาดว่าจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หมดจด เน้นหน้าจอไร้ขอบลักษณะเดียวกับ iPhone X ซึ่งคาดว่าจะมีรอยบากและถอดปุ่มโฮมตามรูปแบบการดีไซน์และคุณลักษณการใช้งานของ iOS 12

โดยมีรุ่นใหม่สองรุ่น ได้แก่รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว ซึ่งจะมีขนาดเครื่องเท่ากับ iPad Pro 10.5 ด้วยการขยายขนาดหน้าจอเพิ่มขึ้น แต่คงขนาดของเครื่องไว้เท่าเดิมครับ ส่วน iPad Pro 12.9 นิ้วจะยังคงมีอยู่ แต่ลดขนาดของขอบให้เล็กลงครับ


Mac ใหม่


  • MacBook: มีข่าวว่า Apple เตรียมเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ หน้าจอ 12 นิ้ว และหน้าจอ 13 นิ้ว ซึ่งหน้าจอ 13 นิ้วรุ่นใหม่นั้นมีราคาระหว่าง $1,000 – 1,500 มาแทนที่ MacBook Air แต่มี Touch ID ด้วย เป็นไปได้ยากที่จะถูกวางตำแหน่งไว้ราคาถูก
  • Mac mini: คาดว่า Apple จะเปิดตัว Mac mini รุ่นใหม่ ที่ไม่ได้อัปเกรดฮาร์ดแวร์อะไรเลยมาตั้งแต่ปี 2014 ครับ
  • iMac: iMac เองก็ถึงเวลาได้อัปเกรดกันแล้ว มีรายงานว่า iMac รุ่นใหม่จะเน้นไปที่การพัฒนาหน้าจอเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมี True Tine Display เหมือนที่ MacBook Pro 2018 ได้รับไป

อื่นๆ


งานนี้ยังคงหวังว่า Apple จะไม่ลืมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่เคยเปิดตัวเอาไว้อย่าง AirPower ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ไร้สายหลายๆ อันได้พร้อมกันหรือ AirPods รุ่นที่ 2 เป็นต้น

ที่มา: Beartai

แอพ K PLUS เตรียมยกเครื่องครั้งใหญ่ 10 ต.ค. นี้ รีแบรนด์ทั้งตัว เปลี่ยนโลโก้ใหม่

ธนาคารกสิกรไทย เตรียมเปิดตัวแอพ K PLUS โฉมใหม่ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ โดยเป็นการรีแบรนด์ทุกส่วน ตั้งแต่โลโก้ไปจนถึงดีไซน์และ UI/UX ของแอพ

ล่าสุดทางธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ของ K PLUS และ UI บางส่วนแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือตัว K เดิมที่เป็นลายพู่กัน เปลี่ยนมาเป็นตัว K แบบใหม่ที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมมากขึ้น ส่วน UI กลายเป็นแถบเมนูด้านล่าง มีด้วยกัน 5 ปุ่มคือ หน้าแรก, K+ Market, ธุรกรรม, สแกน และอื่นๆ

หน้าเว็บของธนาคารระบุว่าจำเป็นต้องใช้กับระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 หรือ Android 5.0 ขึ้นไป

ปัจจุบัน K PLUS ถือเป็นแอพธนาคารไทยที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด ตัวเลขบน Play Store อย่างเดียวระบุว่ามีการดาวน์โหลดไปติดตั้งมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ในขณะที่ตัวเลขของธนาคารอื่นๆ ทั้ง SCB Easy, Bualuang mBanking, KTB netbank ยังอยู่ที่ระดับมากกว่า 5 ล้านเครื่อง


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Visa เปิดตัว Scan to Pay ในไทย จ่ายบัตรเครดิตผ่าน QR ไม่มีขั้นต่ำ สะสมแต้มได้

Visa ประกาศเปิดการใช้งานชำระเงินด้วย QR Code หรือ Scan to Pay ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีธนาคารพันธมิตรที่สามารถใช้งานได้แล้วในตอนนี้คือ 4 รายคือ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยช่วงเริ่มต้นนี้ใช้งานได้แล้วในห้างเครือเดอะมอลล์กรุ๊ปบางแห่ง เช่น เอมควอเทียร์, สยามพารากอน ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยว, ร้าน Subway, รถแท็กซี่ที่แขวนป้าย Scan to Pay ของ Visa


เมื่อธนาคารเปิดใช้บริการนี้ในแอพจะมีเมนู Scan to Pay เมื่อผู้ใช้ต้องการจ่ายเงินให้สแกน แล้วยืนยันด้วยการกด PIN หรือสแกนลายนิ้วมืออีกครั้ง

การจ่ายผ่าน Visa QR ต่างจาก QR แอพธนาคารก่อนหน้านี้ เพราะจะได้สิทธิ์ประโยชน์จากบัตรเครดิตที่ใช้ ทางด้านผู้ขายสามารถสร้าง QR Code ของตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นฝั่งผู้ขายที่ธนาคารผู้รับบัตรเปิดให้ใช้งาน แนวทางนี้ช่วยสร้างทางเลือกแก่ลูกค้าในการจ่ายเงิน พร้อมกับช่วยให้ต้นทุนการรับบัตรเครดิตต่ำลงกว่าเดิมมาก ทำให้ร้านค้าสามารถรับบัตรเครดิตโดยไม่มีขั้นต่ำอีกต่อไป เช่นกินก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวก็จ่ายค่ากินด้วยบัตรเครดิตได้ (ทางชายสี่หมี่เกี๊ยวยังไม่ได้ระบุว่าสาขาไหนจ่ายได้บ้างในตอนนี้)


นอกจากธนาคารที่เปิดตัวแล้วในงานนี้ ยังมี ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารธนชาต ที่ระบุว่าจะสามารถใช้งานได้ในอนาคต


ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

Google Maps รองรับการใช้งานบน CarPlay แล้ว

Google Maps เวอร์ชัน iOS ออกอัพเดตล่าสุด โดยรองรับการทำงานร่วมกับระบบ CarPlay ของแอปเปิลแล้ว ทำให้ผู้ใช้ CarPlay สามารถเลือกใช้แผนที่ของ Google Maps ได้ จากเดิมที่ต้องใช้ Apple Maps เท่านั้น

กูเกิลบอกว่าคุณสมบัติหลักที่มี Google Maps ถูกนำมาใส่ใน CarPlay ครบถ้วน ทั้งข้อมูลเส้นทางจราจรปัจจุบัน, แนะนำเส้นทาง, ดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์, จดจำสถานที่ซึ่งเดินทางไปกลับประจำ และอื่นๆ

หากต้องการใช้ Google Maps บน CarPlay ตัวแอป Google Maps ต้องอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด 5.0 และใช้ iOS 12 ซึ่งเปิดให้เชื่อมต่อกับแผนที่จากนักพัฒนาภายนอกก่อน


ที่มา: Blognone

แหล่งข่าวเผย แท่นชาร์จไร้สาย AirPower มีปัญหาการออกแบบ ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่มีออกมาขาย

Sonny Dickson บล็อกเกอร์สายข่าวแอปเปิลของออสเตรเลีย อ้างแหล่งข่าวภายในเกี่ยวกับแท่นชาร์จไร้สาย AirPower ที่เปิดตัวตั้งแต่งาน iPhone ปีก่อน แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาขาย โดยเขาบอกว่าเอกสารหลายอย่างที่รวบรวมมา บ่งบอกว่า AirPower มีปัญหาในการออกแบบ ทำให้ไม่สามารถผลิตออกมาขายได้

ปัญหาแรกคือความร้อนของแท่นชาร์จขณะทำงาน ซึ่งระบุว่าร้อนเกินไปจนกระทบการทำงานของอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่เสียเอง นอกจากนี้ยังพบปัญหาจากชิปที่ใช้ส่งต่อข้อมูลเปอร์เซ็นต์การชาร์จ เพื่อให้แสดงผลบนแต่ละอุปกรณ์ ว่าทำงานไม่ถูกต้อง และยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้

สุดท้ายคือปัญหาด้านการออกแบบ เนื่องจากแท่นชาร์จ AirPower ออกแบบมาให้วางอุปกรณ์ชาร์จได้พร้อมกันสูงสุด 3 อย่าง และวางตำแหน่งใดบนแท่นก็ได้ ขดลวดด้านในจึงออกแบบมาทับซ้อนหลายขนาด เพื่อให้รองรับทุกอุปกรณ์ในทุกตำแหน่ง ผลคือการทำงานจึงไม่เป็นไปตามที่ต้องการ รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาความร้อนข้างต้นด้วย

Dickson บอกว่าข้อมูลที่เขาได้มานั้น แอปเปิลยังต้องการขาย AirPower ให้ทันภายในปีนี้ แต่ทีมวิศวกรของโครงการดังกล่าวบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้


ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

การตรวจวัด ECG บน Apple Watch Series 4 …สำคัญอย่างไร?

Apple ได้ชูจุดเด่นของ Apple Watch Series 4 ไปที่ฟีเจอร์ตรวจวัด ECG


Apple Watch Series 4 ได้เปิดตัวพร้อมเทคโนโลยีการตรวจวัดการเต้นของหัวใจที่ล้ำหน้ามากๆ ซึ่งเรียกว่า ECG (Electrocardiogram) หรือ การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

ECG (Electrocardiogram) หรือ การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจทางการแพทย์เพื่อดูคลื่นไฟฟ้าของหัวใจตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วยการรับสัญญาณไฟฟ้าผ่านขั้วไฟฟ้าที่ติดบนผิวหนังบริเวณหน้าอก โดยถูกนำมาใช้ในการวัดอัตราและความสม่ำเสมอของการเต้นของหัวใจ, ขนาดและตำแหน่งของห้องหัวใจ, ความเสียหายใดๆ ที่เกิดกับหัวใจ และผลกระทบของยาหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมหัวใจ เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ เป็นต้น


ECG เป็นฟีเจอร์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA (US Food and Drug Administration) หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่า Apple Watch Series 4 สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้

วิธีการใช้ก็ง่ายดาย เพียงแค่แตะบนปุ่ม Digital Crown หรือเม็ดมะยม เพียงแค่ 30 วินาที นาฬิกาก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าไปยังหน้าอก เพื่อวัดสัญญาไฟฟ้าของหัวใจ ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าการวัดด้วยชีพจรเสียอีก


ด้วยความที่ Apple ได้พัฒนาฟีเจอร์ ECG มาอย่างยาวนาน และสามารถนำมาใส่ใน Apple Watch Series 4 ได้สำเร็จนั้น จะส่งผลดีผู้ใช้โดยตรง เนื่องจากการตรวจวัด ECG นั้นสามารถบอกอาการของโรคหัวใจได้

WHO (World Health Organization) หรือ องค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่า โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของโลก


กล่าวคือ ECG เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Apple ในการผลักดันแบรนด์ Apple Watch ให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายนั่นเอง

ที่มา: Beartai

แอปเปิลเปิดตัวชิป Apple A12 Bionic ชิป 7 นาโนเมตรตัวแรก, เร่งความเร็ว ML ขึ้น 9 เท่าตัว

แอปเปิลเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่สามรุ่นวันนี้ พร้อมกับซีพียูรุ่นใหม่ คือ Apple A12 Bionic ซีพียูโทรศัพท์มือถือตัวแรกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร

ภายในชิปมี 6 คอร์แบ่งเป็น คอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานอีก 4 คอร์ โดยทุกคอร์สามารถทำงานได้พร้อมกัน และคอร์กราฟิก 4 คอร์ประสิทธิภาพสูงกว่า A11 สูงสุด 50%

แต่จุดที่แอปเปิลชูเป็นจุดเด่นที่สุดคือ Neural Engine คอร์สำหรับประมวลผลโมเดล machine learning ที่ขยายจำนวนคอร์ เป็น 8 คอร์ เพิ่มพลังประมวลผลเป็น 5 ล้านล้านรายการต่อวินาที เทียบกับ 6 แสนล้านรายการต่อวินาทีใน A11 โดยรวมทำให้ Core ML ทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 9 เท่า

แอปเปิลโชว์ประสิทธิภาพของ A12 โดยด้วยกราฟิกความละเอียดสูง, แอพพลิเคชั่นอย่าง Homecourt ที่สามารถประมวลผลลักษณะการทำแต้มบาสเก็ตบอลได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถประมวลผลว่าทำแต้มได้มากเพียงใด, ทำแต้มจากจุดใดของสนาม, มุมยิงเป็นอย่างไร ฯลฯ

แอปเปิลระบุว่าประสิทธิภาพของ Neural Engine ทำให้การประมวลผลส่วนสำคัญของระบบปฎิบัติการดีขึ้นด้วย เช่น การลบตาแดงในภาพถ่าย, การยืนยันใบหน้า Face ID ได้เร็วขึ้น


ที่มา: Blognone

SCG ประกาศจัดงาน Hackathon เป็นครั้งแรก ตั้งเงินรางวัลรวม 900,000 บาท


SCG ประกาศจัดงาน Hackathon ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเชิญชวนบุคคลทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมและคิดแผนงานเพื่อชิงเงินรางวัลรวม 900,000 บาท พร้อมโอกาสรับการสนับสนุนจาก SCG เพื่อต่อยอดแนวคิดไปสู่การทำเป็นธุรกิจจริง

กิจกรรมจะจัดเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันที่ 26 ถึง 28 ตุลาคม ณ BIG Co-Working Space ย่านพระราม 9 ทั้งนี้มีการตั้งเงินรางวัลสำหรับผลงานต่างๆ แบ่งเป็นหมวดหมู่ 3 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ของงานพัฒนานั้น อันได้แก่
  • การนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพให้คู่ธุรกิจขององค์กร
  • การเสริมศักยภาพและความยั่งยืนให้อุตสาหกรรม
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตให้ผู้บริโภค
โดยทีมชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับเงินรางวัล 200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษที่หน่วยธุรกิจของ SCG จะพิจารณามอบให้อีกรางวัลละ 100,000 บาท (สูงสุด 3 รางวัล) ทั้งนี้เมื่อทำกิจกรรม Hackathon เสร็จในวันที่ 28 ตุลาคมก็จะประกาศผลการตัดสินกันในวันนั้นเลย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมงานได้ที่นี่ (สามารถรวมทีมกันมาก่อน หรือจะสมัครเป็นรายบุคคลแล้วหาเพื่อนร่วมทีมงานก็ได้) โดยจะเปิดรับลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม หลังจากนั้น SCG จะทำการคัดเลือกผุ้สมัครเพียง 100 คน และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 11 ตุลาคม

ที่มา: Blognone