วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

Samsung All-in-One PC คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ รุ่นล่าสุด มาพร้อม Soundbar

ตลาดพีซียังคงเปิดกว้างเสมอ แม้จะมีข้อมูลระบุถึงสภาวะตลาดซบเซาก็ตาม ล่าสุด Samsung เปิดตัว “All-in-One PC” คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมลำโพงแบบ Soundbar และระบบปฏิบัติการ Windows 10


Samsung All-in-One PC รุ่นใหม่ มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p, ซีพียูประมวลผล Intel 7th Generation Kaby Lake Core i5-7400T ความเร็ว 2.4GHz, แรม 8 / 16GB, HDD 1TB 5400RPM ซึ่งแรมและ HDD สามารถอัพเกรดเองได้ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 และซอฟต์แวร์ SideSync สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจาก Samsung Galaxy นอกจากนี้ยังมาพร้อมคีย์บอร์ด wireless แบบ full-sized ที่ปุ่มคีย์บอร์ดจะมีลักษณะโค้งเล็กน้อย และเมาส์ wireless

ส่วน Soundbar เป็นลำโพงแบบสเตริโอ 2 ตัว แบบ 10W ด้านหลังสามารถใส่ SD Card ได้ มี headphone jack, พอร์ต USB x 2, พอร์ต HDMI (in) (out), และพอร์ต Ethernet สำหรับราคาและวันวางขายจริง รวมถึงประเทศที่จะเข้าไปทำตลาดยังไม่มีการเปิดเผยในเวลานี้


ทั้งนี้ Samsung All-in-One PC ถือเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอีกหนึ่งรุ่นที่เปิดตัวถัดจาก Samsung Chromebook Pro / Chromebook Plus, Samsung Notebook 9 และ Samsung Odyssey ซึ่งการขนทัพคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นใหม่ๆ ออกมาตั้งแต่ต้นปีแบบนี้ อาจบ่งบอกได้ถึงแนวโน้มของตลาดพีซีทั่วโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น  พร้อมเป็นช่องทางให้ Samsung กล้าขยับตัวเข้ามาเจาะตลาดพีซีมากขึ้นอีกด้วย

ที่มา: ARiP

บริษัทประกันภัยญี่ปุ่น ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั้งแผนก นำ A.I มาทำงานวิเคราะห์ข้อมูลแทน

Fukoku Mutual บริษัทประกันภัยของญี่ปุ่น นำ Watson ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์จาก IBM มาช่วยทำงานวิเคราะห์ข้อมูลการจ่ายเงินประกันภัย แทนที่พนักงานทั้ง 34 คน ที่โดนบริษัทเลิกจ้างทั้งหมด


แรงงานสมองกล ในอนาคตที่ว่า มนุษย์จะถูกแรงงานสมองกลหรือ AI แทนที่นั้น ตอนนี้มีเคสตัวอย่างแล้วครับ เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ Fukoku Mutual Life Insurance บริษัทประกันภัยของญี่ปุ่น ได้ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 34 คน ออกหมดทั้งแผนก แล้วนำ “Watson” ระบบ AI (Artificial Intelligence) ปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่จาก IBM ทำงานแทนที่ !!

IBM Watson จะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลด้วยระบบ Cognitive Computing ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ สามารถคิด วิเคราะห์ และตีความข้อมูลได้คล้ายมนุษย์ทุกอย่าง ทั้งยังอ่านข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างอย่าง ภาพ เสียง และวีดีโอได้ด้วย จากความสามารถนี้เอง ก็จะถูกนำมาใช้กับหน้าที่ “วิเคราะห์ข้อมูลผู้ถือกรมธรรม์” สามารถพิจารณาเงินประกันที่ต้องจ่ายกับผู้ถือกรมธรรม์ในแต่ล่ะกรณีได้ โดยดูจากประวัติทางการแพทย์เป็นหลัก

บริษัทมีการเชื่อว่า AI ตัวนี้จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น 30% และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายเงินเดือนของพนักงานได้ถึง 140 ล้านเยนต่อปี หลังลงทุนกับระบบนี้ 200 ล้านเยนในทีเดียว และเสียค่าบำรุงรักษาอีกแค่ 15 ล้านเยนต่อปีเท่านั้น

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเอง ก็กำลังประสบปัญหาประชากรสูงวัยมีมากขึ้น ดังนั้นจึงนับเป็นโอกาสดี ที่จะได้ทดลองใช้ AI นี้ มาช่วยทำงานนี้แทนมนุษย์ โดยทางบริษัทก็ได้เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมนี้แล้วด้วย ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า มีบริษัทประกันภัยในญี่ปุ่นอีกสามแห่ง กำลังพิจารณานำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลอีกด้วย

Nomura Research Institute สถาบันวิจัยของญี่ปุ่นมีการวิเคราะห์ว่า เกือบครึ่งของงานทั้งหมดในญี่ปุ่น อาจถูกหุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่หมดภายในปี 2035…


ที่มา: ARiP

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

รอคอยกันมานาน LINE เปิด API ให้ร้านค้าเชื่อมต่อแอพได้ แชทได้ และกำลังจะมีบ็อต!

ประกาศสำคัญของงานแถลงข่าว LINE คือการเปิด LINE Business Platform ให้คนอื่นเข้ามาใช้งานได้มากขึ้น (สักที!) รายละเอียดของการเปิดแพลตฟอร์มแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ เปิดให้ Web Service, เปิดให้ SME, เปิดให้นักพัฒนา รายละเอียดมีดังนี้ครับ

1. Web Service

ที่ผ่านมา LINE Platform เปิดให้เฉพาะบริการในเครือของ LINE เองเท่านั้น เช่น LINE News, LINE Live, LINE Part Time Jobs แต่ตอนนี้บริษัทพร้อมเปิด Platform ให้กับเว็บเซอร์วิสนอกบริษัทแล้ว


เว็บเซอร์วิสที่มาเชื่อมต่อจะเรียกว่า Official Web Apps สามารถเข้าถึงฟีเจอร์มาตรฐานของ Platform เช่น ระบบล็อกอิน, ระบบจ่ายเงิน LINE Pay, ระบบสะสมแต้ม, LINE Business Connect API


ผู้ใช้ LINE จะสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้จากแอพ LINE โดยตรง ไม่ต้องลำบากสร้างบัญชีล็อกอินใหม่ สามารถกรอกข้อมูลส่วนตัวที่บันทึกไว้ใน Profile+ ได้อัตโนมัติ การใช้งาน Web Apps ยังสามารถสะสมแต้ม LINE Points ได้ด้วย


เป้าหมายของ LINE ก็ชัดเจนว่าอยากให้คนมาใช้บริการ Web Apps บน LINE Platform แทนการใช้แอพแบบเนทีฟของระบบปฏิบัติการนั้นๆ รายการฟีเจอร์ก็ใกล้เคียงกัน มีระบบข้อความแจ้งเตือนแบบพุช (Push) แต่สะดวกกว่าตรงที่ผู้ใช้ไม่ต้องอัพเดต และไม่ต้องติดตั้งแอพลงในเครื่อง


Web Apps บน LINE Platform ยังถูกค้นพบ (Discovery) ได้ง่ายจากช่องทางต่างๆ เช่น การแชร์ ค้นหา แนะนำ


ลูกค้า LINE ภาคธุรกิจที่มี Official Account อยู่แล้ว สามารถซื้อบริการ Official Web Apps ในราคาเดือนละ 20,000 เยน (ประมาณ 6,300 บาท) ใช้งาน API ได้ไม่จำกัด แต่จำกัดจำนวนเพื่อนที่ 100,000 คน

ตัวบริการจะเปิดในช่วงฤดูร้อนกลางปีนี้ ตอนนี้มีพาร์ทเนอร์ในญี่ปุ่นแสดงความสนใจแล้ว 45 บริษัท


2. SME Partnership Program

หัวข้อแรกเป็นฟีเจอร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีเงินซื้อ Official Account ส่วนธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ที่ใช้ LINE@ ก็ได้ฟีเจอร์ใหม่ด้วยเช่นกัน ภายใต้ชื่อ SME Partnership Program ที่ช่วยให้ธุรกิจใกล้ชิดกับผู้ใช้มากขึ้น


ฟีเจอร์ใหม่มีหลายอย่าง เริ่มจาก Account Page ที่มีระบบปลั๊กอิน เลือกได้ว่าจะแสดงผลข้อมูลอะไรในหน้า Account


Chat API เปิดให้ภาคธุรกิจที่มีระบบส่งข้อความหลังบ้าน สามารถเชื่อมต่อกับระบบแชทของ LINE@ ได้ ตัวอย่างการใช้งาน เช่น จองโต๊ะร้านอาหารผ่านการแชทใน LINE หรือ สอบถามข้อมูลสินค้าทาง LINE


ฟีเจอร์เหล่านี้จะเริ่มเปิดบริการในเดือนเมษายน 2016

3. Developers

ฟีเจอร์ส่วนนี้เปิดสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ LINE กำลังจะมี Chat Bot ครับ เปิด API ให้เราสามารถเชื่อมระบบ CRM หรือ IoT เข้ามาแชทได้

Chat Bot API และ Chat Bot Store เริ่มทดสอบระบบในเดือนเมษายนนี้ และเปิดใช้งานจริงช่วงกลางปี


ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างคือ เปิดระบบ Beacon ให้ LINE สามารถรับรู้ข้อมูลจากสถานที่ได้ ร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า สามารถโปรโมทส่วนลดหรือกิจกรรมต่างๆ เมื่อผู้ใช้ LINE เดินเข้ามาในรัศมีของ Beacon (Bluetooth LE) บริการจะเริ่มทดสอบในเดือนพฤษภาคม


ฟีเจอร์อย่างที่สามคือ Chat AI ระบบบ็อตแบบปัญญาประดิษฐ์ (เหมือนกับ Facebook M) รูปแบบคือเปิดให้ปลั๊กอินภายนอกเข้ามาเชื่อมต่อได้ แปลว่าในอนาคต LINE จะฉลาดเข้าขั้น "ถามอะไรตอบได้" สามารถคุยกันได้เหมือนมนุษย์

บริการตัวนี้ต้องรอนานหน่อย เปิดปลายปีโน่นเลย


ในภาพรวมก็คือ หลังจากที่เรียกร้องกันมานาน ในที่สุด LINE ก็จะทำตัวเองเป็นแพลตฟอร์มกับเขาบ้างแล้ว (เหมือนกับที่ Facebook, Google ทำอยู่) ภาคธุรกิจจะสามารถสร้างแอพมาเชื่อมต่อ มาแชทคุยกับลูกค้าได้โดยตรง ผ่าน API ที่ LINE เตรียมไว้ให้เรานั่นเอง

กำหนดการของฟีเจอร์ต่างๆ ที่มาไม่พร้อมกัน


ที่มา: Blognone

Nike เปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ สุดล้ำ! ผูกเชือกรองเท้าเองได้

“Nike” แบรนด์รองเท้ากีฬาชื่อดังอีกแบรนด์หนึ่ง ที่โดนใจทั้งวัยรุ่นวัยไม่รุ่นทั้งหลาย ซึ่งปกติ Nike ก็มักจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับอุปกรณ์กีฬาเสมอมา ล่าสุดก็ได้เปิดตัวรองเท้าสุดล้ำ ที่มีระบบผูกเชือกรองเท้าได้เอง เหมือนในหนังดัง Back to the future เป๊ะ! จะล้ำแค่ไหน ตามไปดูกัน!!




วันนี้ที่งาน Nike Innovation ได้มีการเปิดตัว HyperAdapt 1.0 รองเท้าเทรนนิ่งที่สามารถผูกเชือกรองเท้าเองได้อัตโนมัติ ซึ่งทาง Nike เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า “Adaptive lacing” นอกจากจะผูกเชือกรองเท้าได้เองแล้ว ยังสามารถปรับระดับเชือกว่าจะให้รัดมากหรือน้อยแค่ไหนได้ด้วย

เมื่อผู้ใช้สวมรองเท้าเข้าไป เซ็นเซอร์ที่อยู่ภายในรองเท้าจะทำงานทันที และทำการผูกเชือกรองเท้าให้เราเองโดยอัตโนมัติ หากรู้สึกว่ามันแน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป เราก็สามารถปรับระดับการรัดของเชือกรองเท้าได้จากปุ่มสองปุ่มที่อยู่ด้าน ข้างรองเท้า

ใครอยากได้รองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 ก็อดใจรอกันอีกนิด เพราะ Nike จะวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นนี้ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ปลายปี 2016 นี้ โดยมีให้เลือกซื้อด้วยกัน 3 สี ตามรูปด้านบนจ้ะ


ที่มา: ARiP