วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

AMD เตรียมเปิดตัว CPU สองรุ่นใหม่ของ Threadripper ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ มาพร้อมกับ 12 และ 24 Core


AMD เตรียมเปิดตัว CPU สองรุ่นใหม่ของ Threadripper อย่างรุ่น 2920X 12-Core และรุ่น 2970WX 24-Core สนนราคาขายอยู่ที่ 649 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 21,000 บาท) และ 1,299 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 42,000 บาท) ตามลำดับ พร้อมยลโฉมแก่ผู้ใช้ทั่วไปในวันที่ 29 ตุลาคมนี้


สำหรับรุ่น 2920X นั้นเป็นรุ่นที่ลดสเปคลงมาจาก 2950X 12-Core เล็กน้อย ซึ่งใช้ความเร็วเท่ากันที่ 3.5GHz, แคช Level 3 ขนาด 32 MB, อัตราการใช้พลังงานสูงสุด 180W แต่ต่างกันตรงที่โหมด Boost นั้นจะมีความเร็วที่ 4.3GHz (ซี่ง 2950X มีความเร็วสูงกว่าที่ 4.4Ghz นั่นเอง) ส่วนรุ่น 2970WX นั้นเป็นรุ่นที่ลดสเปคลงมาจากรุ่นเรือธง 2990WX ขนาด 32-Core ให้ความเร็วที่ 3GHz เร่งสปีดได้สูงสุดถึง 4.2 GHz, แคช Level 3 ขนาด 32 MB, อัตราการใช้พลังงานสูงสุด 250W

นอกจากนี้ AMD เตรียมจะเปิดตัวซอฟต์แวร์อย่าง Dynamic Local Mode เพื่อทำให้การโอนถ่ายข้อมูลจาก Thread หรือ Core ของ CPU ไปยังหน่วยความจำภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ CPU ซีรี่ส์ WX เป็นอย่างยิ่ง พร้อมให้ผู้ใช้อัปเดตได้ภายในเดือนตุลาคมนี้

ที่มา: Beartai 

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561

GitHub ออกเครื่องมือเชื่อมต่อกับ Jira ใหม่ ทำงานข้ามระบบได้สะดวกขึ้น


GitHub ประกาศพัฒนาเครื่องมือเพื่อการเชื่อมต่อกับเครื่องมือติดตามบั๊กและจัดการโครงการ Jira ใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ที่เก็บโค้ดไว้บนระบบ GitHub สามารถเชื่อมต่อโปรเจคเข้ากับ Jira Software Cloud ได้โดยตรง ทำงานข้ามระบบกันได้สะดวกยิ่งขึ้น

เมื่อเชื่อมต่อ GitHub เข้ากับ Jira แล้ว ก็จะเห็น branch, commit message, pull request และอื่นๆ บน Jira โดยไม่ต้องสลับการใช้งานไปมา ซึ่งระบบเชื่อมต่อกับ Jira แต่เดิมนั้นเป็นระบบที่ค่อนข้างช้า GitHub จึงพัฒนาใหม่ให้เร็วขึ้นและอินทิเกรตกับระบบของ Jira ได้ดีขึ้น ส่วนระบบเชื่อมต่อ GitHub กับ Jira เดิมจะเข้าสู่สถานะ deprecated เพื่อให้ผู้ใช้มาใช้ระบบใหม่นี้

สำหรับระบบเชื่อมต่อ GitHub กับ Jira สามารถเข้าไปดูได้ที่ GitHub Marketplace

ที่มา: Blognone

ไม่ต้องงงแล้ว ชื่อ Wi-Fi เตรียมปรับให้ง่ายขึ้นด้วยตัวเลข ซึ่งมาตรฐานต่อไปคือ Wi-Fi 6 (802.11ax)

หนึ่งในความงงงวยของผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ต้องอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีคือเจ้าชื่อมาตรฐาน Wi-Fi นี่แหละครับ 802.11n กับ 802.11ac อะไรมันดีกว่ากัน หรือ Wi-Fi G กับ Wi-Fi N ควรจะใช้อะไรดี ซึ่งในที่สุด Wi-Fi Alliance องค์กรที่กำหนดมาตรฐานไวไฟก็รู้ปัญหานี้ และเตรียมปรับรูปแบบเรียกชื่อไวไฟให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วยตัวเลข (สักทีเถอะ)

โดยมาตรฐานไวไฟที่ผ่านจะเทียบเวอร์ชั่นตัวเลขดังต่อไปนี้
  • 802.11b (1999) → Wi-Fi 1
  • 802.11a (1999) → Wi-Fi 2
  • 802.11g (2003) → Wi-Fi 3
  • 802.11n (2009) → Wi-Fi 4
  • 802.11ac (2014) → Wi-Fi 5 (มาตรฐานล่าสุดที่ใช้ตอนนี้)
และมาตรฐานไวไฟในยุคต่อไปคือ 802.11ax จะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Wi-Fi 6 เช่นกัน ซึ่ง 802.11ax จะสามารถส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นขึ้นแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดเช่นสนามกีฬา รองรับผู้ใช้งานมาก และที่สำคัญประหยัดไฟยิ่งขึ้น สำหรับการใช้งานในเชิง IoT

ซึ่งการเปลี่ยนชื่อให้กลายเป็นตัวเลขก็ทำให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายขึ้น ทั้งการซื้ออุปกรณ์ใหม่ ที่อุปกรณ์ในเลขสูงกว่าย่อมดีกว่าอุปกรณ์ในเลขต่ำกว่าแน่ๆ หรือในการเชื่อมต่อเครือข่าย หากระบบแสดงโลโก้เป็นตัวเลขด้วยเลย ผู้ใช้ก็จะเลือกง่ายขึ้นว่าควรเชื่อมต่อไวไฟวงไหนถึงจะมีประสิทธิภาพดีกว่ากัน

แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าการแสดงมาตรฐานเป็นตัวเลขนั้นจะเริ่มใช้เมื่อไหร่ และโลโก้จริงๆ จะหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้เรารู้แค่ว่า Netgear เอาด้วยกับการกำหนดชื่อนี้แล้ว ซึ่งรายอื่นๆ ก็น่าจะตามมาในภายหลังครับ

ที่มา: Beartai

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

RoV เริ่มทดสอบใช้ระบบสแกนใบหน้าเพื่อเช็คอายุผู้เล่นเกมแล้ว


Tencent เจ้าของ Honour of Kings หรือ RoV เวอร์ชั่นประเทศจีน เกมออนไลน์สุดฮิตแห่งยุค กำลังเริ่มทดสอบระบบจดจำใบหน้าเพื่อมายืนยันตัวตนและตรวจสอบอายุของผู้เล่นแล้ว โดยจะเริ่มทดสอบกับผู้เล่นหน้าใหม่กลุ่มเล็กๆ ที่อาศัยในปักกิ่งและเสินเจิ้น ตามรายงานจาก BBC

ทั้งนี้ Tencent ถูกกดดันจากสื่อท้องถิ่นในประเทศจีน รวมทั้งตกเป็นเป้าโจมตีของสังคมในกรณีที่ถูกมองว่าทำให้เด็กๆ เสพติดการเล่นเกมดังกล่าวอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ทาง Tencent เองเคยออกนโยบายให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถเล่นได้ 1 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่วัยรุ่นอายุ 13-18 ปี เล่น RoV ได้สูงสุด 2 ชั่วโมง

ล่าสุด Tencent ต่อยอดนโยบายเข้มงวดดังกล่าวด้วยการเพิ่มระบบการสมัครด้วยการใช้ชื่อจริง รวมทั้งระบบจดจำใบหน้าเพื่อเข้ามาควบคุมเวลาการเล่นของผู้เล่นแต่ละวัยได้แม่นยำมากขึ้น สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลจีนที่รณรงค์ให้ควบคุมการเล่นเกมของเด็กและเยาวชน

ที่มา: Beartai

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Tesla ผลิตรถยนต์ในไตรมาส 3 ได้มากเป็นประวัติการณ์ที่ 80,142 คัน ส่งมอบรวม 83,500 คัน

วันนี้ Tesla รายงานสถิติการผลิตและส่งมอบรถยนต์ของไตรมาส 3/2018 โดยทำลายสถิติของตัวเองที่ทำไว้ตอนไตรมาส 2/2018 ด้วยการผลิตรถยนต์ทุกรุ่นรวมกันได้ถึง 80,142 คัน แบ่งเป็น Tesla Model 3 ถึง 53,239 คัน และ Model S กับ X รวมกันที่ 26,903 คัน

Tesla ได้ให้รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการผลิตรถรุ่นสำคัญอย่าง Model 3 ว่าระหว่างไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทได้เปลี่ยนจากการผลิตรถขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์เดี่ยวอย่างเดียว มาเป็นการผลิตรถรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ ทำให้โดยรวมของไตรมาส 3 บริษัทผลิตรถรุ่นมอเตอร์คู่มากกว่ารุ่นมอเตอร์เดี่ยวเสียอีก และในสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 3 ได้ผลิตรถรุ่นมอเตอร์คู่อย่างเดียว

ในส่วนของการส่งมอบรถยนต์ Tesla ระบุว่าส่งมอบรถในไตรมาส 3 ไปทั้งสิ้น 83,500 คัน แบ่งเป็น Model 3 55,840 คัน, Model S 14,470 คัน และ Model X 13,190 คัน อย่างไรก็ตามเรายังคงเห็นข่าวกันอยู่เรื่อยๆ ว่า Tesla มีปัญหาด้านการส่งมอบที่ค่อนข้างช้า และ Elon Musk ก็เคยบอกว่ากำลังแก้ปัญหานี้อยู่


ที่มา: Blognone

Apple อาจจัดงานพิเศษเดือนตุลาคมนี้ ต้อนรับ iPad และ Mac รุ่นใหม่


วันที่ 12 เดือนกันยายนที่ผ่านมา Apple เปิดตัวผลิตถัณฑ์ใหม่ทั้งหมดสองไลน์สินค้าได้แก่ Apple Watch Series 4 และ iPhone XS (Max) ซึ่งหลายๆ คนอาจจะผิดหวังเพราะบางคนก็รอทั้ง iPad Pro และ Mac รุ่นใหม่เป็นต้น

ล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า Apple อาจจัดงานพิเศษขึ้นในเดือนตุลาคม (เดือนนี้) อีกครั้งเพื่ออัปเดทสินค้าตระกูล iPad และ Mac ครับ แล้วจะมีอะไรใหม่บ้าง มาชมกันครับ

iPad Pro ใหม่


สำหรับ iPad Pro นั้นคาดว่าจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หมดจด เน้นหน้าจอไร้ขอบลักษณะเดียวกับ iPhone X ซึ่งคาดว่าจะมีรอยบากและถอดปุ่มโฮมตามรูปแบบการดีไซน์และคุณลักษณการใช้งานของ iOS 12

โดยมีรุ่นใหม่สองรุ่น ได้แก่รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว ซึ่งจะมีขนาดเครื่องเท่ากับ iPad Pro 10.5 ด้วยการขยายขนาดหน้าจอเพิ่มขึ้น แต่คงขนาดของเครื่องไว้เท่าเดิมครับ ส่วน iPad Pro 12.9 นิ้วจะยังคงมีอยู่ แต่ลดขนาดของขอบให้เล็กลงครับ


Mac ใหม่


  • MacBook: มีข่าวว่า Apple เตรียมเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ หน้าจอ 12 นิ้ว และหน้าจอ 13 นิ้ว ซึ่งหน้าจอ 13 นิ้วรุ่นใหม่นั้นมีราคาระหว่าง $1,000 – 1,500 มาแทนที่ MacBook Air แต่มี Touch ID ด้วย เป็นไปได้ยากที่จะถูกวางตำแหน่งไว้ราคาถูก
  • Mac mini: คาดว่า Apple จะเปิดตัว Mac mini รุ่นใหม่ ที่ไม่ได้อัปเกรดฮาร์ดแวร์อะไรเลยมาตั้งแต่ปี 2014 ครับ
  • iMac: iMac เองก็ถึงเวลาได้อัปเกรดกันแล้ว มีรายงานว่า iMac รุ่นใหม่จะเน้นไปที่การพัฒนาหน้าจอเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมี True Tine Display เหมือนที่ MacBook Pro 2018 ได้รับไป

อื่นๆ


งานนี้ยังคงหวังว่า Apple จะไม่ลืมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่เคยเปิดตัวเอาไว้อย่าง AirPower ที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ไร้สายหลายๆ อันได้พร้อมกันหรือ AirPods รุ่นที่ 2 เป็นต้น

ที่มา: Beartai

แอพ K PLUS เตรียมยกเครื่องครั้งใหญ่ 10 ต.ค. นี้ รีแบรนด์ทั้งตัว เปลี่ยนโลโก้ใหม่

ธนาคารกสิกรไทย เตรียมเปิดตัวแอพ K PLUS โฉมใหม่ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ โดยเป็นการรีแบรนด์ทุกส่วน ตั้งแต่โลโก้ไปจนถึงดีไซน์และ UI/UX ของแอพ

ล่าสุดทางธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวโลโก้ใหม่ของ K PLUS และ UI บางส่วนแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือตัว K เดิมที่เป็นลายพู่กัน เปลี่ยนมาเป็นตัว K แบบใหม่ที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมมากขึ้น ส่วน UI กลายเป็นแถบเมนูด้านล่าง มีด้วยกัน 5 ปุ่มคือ หน้าแรก, K+ Market, ธุรกรรม, สแกน และอื่นๆ

หน้าเว็บของธนาคารระบุว่าจำเป็นต้องใช้กับระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 หรือ Android 5.0 ขึ้นไป

ปัจจุบัน K PLUS ถือเป็นแอพธนาคารไทยที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด ตัวเลขบน Play Store อย่างเดียวระบุว่ามีการดาวน์โหลดไปติดตั้งมากกว่า 10 ล้านเครื่อง ในขณะที่ตัวเลขของธนาคารอื่นๆ ทั้ง SCB Easy, Bualuang mBanking, KTB netbank ยังอยู่ที่ระดับมากกว่า 5 ล้านเครื่อง


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Visa เปิดตัว Scan to Pay ในไทย จ่ายบัตรเครดิตผ่าน QR ไม่มีขั้นต่ำ สะสมแต้มได้

Visa ประกาศเปิดการใช้งานชำระเงินด้วย QR Code หรือ Scan to Pay ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีธนาคารพันธมิตรที่สามารถใช้งานได้แล้วในตอนนี้คือ 4 รายคือ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยช่วงเริ่มต้นนี้ใช้งานได้แล้วในห้างเครือเดอะมอลล์กรุ๊ปบางแห่ง เช่น เอมควอเทียร์, สยามพารากอน ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยว, ร้าน Subway, รถแท็กซี่ที่แขวนป้าย Scan to Pay ของ Visa


เมื่อธนาคารเปิดใช้บริการนี้ในแอพจะมีเมนู Scan to Pay เมื่อผู้ใช้ต้องการจ่ายเงินให้สแกน แล้วยืนยันด้วยการกด PIN หรือสแกนลายนิ้วมืออีกครั้ง

การจ่ายผ่าน Visa QR ต่างจาก QR แอพธนาคารก่อนหน้านี้ เพราะจะได้สิทธิ์ประโยชน์จากบัตรเครดิตที่ใช้ ทางด้านผู้ขายสามารถสร้าง QR Code ของตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นฝั่งผู้ขายที่ธนาคารผู้รับบัตรเปิดให้ใช้งาน แนวทางนี้ช่วยสร้างทางเลือกแก่ลูกค้าในการจ่ายเงิน พร้อมกับช่วยให้ต้นทุนการรับบัตรเครดิตต่ำลงกว่าเดิมมาก ทำให้ร้านค้าสามารถรับบัตรเครดิตโดยไม่มีขั้นต่ำอีกต่อไป เช่นกินก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวก็จ่ายค่ากินด้วยบัตรเครดิตได้ (ทางชายสี่หมี่เกี๊ยวยังไม่ได้ระบุว่าสาขาไหนจ่ายได้บ้างในตอนนี้)


นอกจากธนาคารที่เปิดตัวแล้วในงานนี้ ยังมี ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารธนชาต ที่ระบุว่าจะสามารถใช้งานได้ในอนาคต


ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

Google Maps รองรับการใช้งานบน CarPlay แล้ว

Google Maps เวอร์ชัน iOS ออกอัพเดตล่าสุด โดยรองรับการทำงานร่วมกับระบบ CarPlay ของแอปเปิลแล้ว ทำให้ผู้ใช้ CarPlay สามารถเลือกใช้แผนที่ของ Google Maps ได้ จากเดิมที่ต้องใช้ Apple Maps เท่านั้น

กูเกิลบอกว่าคุณสมบัติหลักที่มี Google Maps ถูกนำมาใส่ใน CarPlay ครบถ้วน ทั้งข้อมูลเส้นทางจราจรปัจจุบัน, แนะนำเส้นทาง, ดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์, จดจำสถานที่ซึ่งเดินทางไปกลับประจำ และอื่นๆ

หากต้องการใช้ Google Maps บน CarPlay ตัวแอป Google Maps ต้องอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด 5.0 และใช้ iOS 12 ซึ่งเปิดให้เชื่อมต่อกับแผนที่จากนักพัฒนาภายนอกก่อน


ที่มา: Blognone

แหล่งข่าวเผย แท่นชาร์จไร้สาย AirPower มีปัญหาการออกแบบ ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่มีออกมาขาย

Sonny Dickson บล็อกเกอร์สายข่าวแอปเปิลของออสเตรเลีย อ้างแหล่งข่าวภายในเกี่ยวกับแท่นชาร์จไร้สาย AirPower ที่เปิดตัวตั้งแต่งาน iPhone ปีก่อน แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาขาย โดยเขาบอกว่าเอกสารหลายอย่างที่รวบรวมมา บ่งบอกว่า AirPower มีปัญหาในการออกแบบ ทำให้ไม่สามารถผลิตออกมาขายได้

ปัญหาแรกคือความร้อนของแท่นชาร์จขณะทำงาน ซึ่งระบุว่าร้อนเกินไปจนกระทบการทำงานของอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่เสียเอง นอกจากนี้ยังพบปัญหาจากชิปที่ใช้ส่งต่อข้อมูลเปอร์เซ็นต์การชาร์จ เพื่อให้แสดงผลบนแต่ละอุปกรณ์ ว่าทำงานไม่ถูกต้อง และยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้

สุดท้ายคือปัญหาด้านการออกแบบ เนื่องจากแท่นชาร์จ AirPower ออกแบบมาให้วางอุปกรณ์ชาร์จได้พร้อมกันสูงสุด 3 อย่าง และวางตำแหน่งใดบนแท่นก็ได้ ขดลวดด้านในจึงออกแบบมาทับซ้อนหลายขนาด เพื่อให้รองรับทุกอุปกรณ์ในทุกตำแหน่ง ผลคือการทำงานจึงไม่เป็นไปตามที่ต้องการ รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาความร้อนข้างต้นด้วย

Dickson บอกว่าข้อมูลที่เขาได้มานั้น แอปเปิลยังต้องการขาย AirPower ให้ทันภายในปีนี้ แต่ทีมวิศวกรของโครงการดังกล่าวบอกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้


ที่มา: Blognone