วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Google Chrome เตรียมออกอัปเดตให้สามารถใช้ “Windows Hello” เพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้ ปลอดภัย และสะดวกมากขึ้น

Google เตรียมออกอัปเดต Google Chrome เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบยืนยันตัวตนด้วยการแสกนใบหน้า หรือนิ้ว ด้วย Windows Hello บนคอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊คที่รองรับ

ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ อย่างมาก และมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าการใช้รหัสผ่านทั่วๆ ไป


ซึ่งหากปล่อยอัปเดต Google Chrome เวอร์ชันนี้มาเมื่อไหร่ จะสามารถเข้าไปเปิดการใช้งานได้ตามนี้ (หากอัปเดตมาแล้ว)

Setting Page > Payment Methods แล้วเลือก Use Windows Hello (ต้องเป็นอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน Windows Hello ด้วยนะครับ) เสร็จแล้วโปรแกรมก็จะให้เรากรอกเลข CVC บนบัตร พร้อมกับยืนยันตัวด้วยการแสกนนิ้ว หรือสแกนใบหน้า เพียงแค่นี้ก็จะสามารถใช้งาน Windows Hello เพื่ออนุญาติเข้าถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ง่ายดาย และปลอดภัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามทาง Google ยังไม่ได้ประกาศวันออกอัปเดตออกมาเมื่อไหร่ แต่น่าจะเป็นเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

ที่มา: Beartai

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สิงคโปร์ใช้หุ่น Boston Dynamics เดินเตือนผู้คนในสวนสาธารณะเรื่อง Social Distancing

ทางการสิงคโปร์เริ่มทดสอบนำหุ่นยนต์ Spot ของ Boston Dynamics มาเดินลาดตระเวนในสวนสาธารณะ Bishan-Ang Mo Kio เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมเปิดเสียงเตือนให้ผู้คนอย่าลืมทำ Social Distancing

มาตรการนี้เป็นความร่วมมือของ National Parks Board และ Smart Nation and Digital Government Group (SNDGG) โดยภาพจากกล้องหน้าของหุ่น Spot จะถูกเก็บนำไปวิเคราะห์บนระบบของ GovTech เพื่อวิเคราะห์และคำนวนปริมาณผู้เข้ามาใช้งานสวนสาธารณะ โดยวิดีโอที่ได้จากกล้องจะไม่มีและไม่สามารถตรวจจับใบหน้าหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวใดๆ


ตัวหุ่น Spot สามารถเดินหลบสิ่งกีดขวางเองได้จากกล้องรอบตัว โดนชนเบาๆ แล้วไม่ล้ม กันน้ำกันฝุ่น ขณะที่ GovTech ก็เพิ่มความสามารถให้กับ Spot เข้าไปอย่างการควบคุมจากระยะไกล, ระบบทำแผนที่ 3 มิติและระบบเคลื่อนที่กึ่งอัตโนมัติ และกำลังพัฒนาระบบวิเคราะห์เพื่อให้ Spot ตรวจสอบได้เลยว่าผู้คนในสวนมีการทำ Social Distancing หรือไม่

นอกจากในสวนแล้ว Spot ยังถูกนำไปทดสอบในศูนย์กักกันผู้ป่วยที่ศูนย์ประชุม Changi สำหรับการขนส่งสิ่งของจำเป็นและยาให้ผู้ป่วย ขณะที่ SNDGG กำลังมองหาวิธีการนำหุ่นยนต์มาใช้งานและช่วยเหลือมนุษย์ในสถานการณ์ COVID-19 ระบาดเพิ่มเติมอยู่ด้วย


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

LINE อัพเดตแอป รองรับการแชร์ YouTube / หน้าจอสมาร์ทโฟน ระหว่างคุยเป็นกลุ่ม

LINE ออกอัพเดตแอปเวอร์ชัน 10.6.5 ทั้งบน iOS และ Android เพิ่มคุณสมบัติใหม่สำหรับการโทรคุยเป็นกลุ่มทั้งแบบเสียงและแบบวิดีโอ

โดย 2 ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ การคุยเป็นกลุ่มสามารถแชร์ลิงก์ YouTube และรับชมวิดีโอพร้อมกันผ่านการสนทนากลุ่มได้ ส่วนอีกฟีเจอร์ สามารถแชร์หน้าจอสมาร์ทโฟนระหว่างการคุยแบบวิดีโอได้ (ก่อนหน้านี้ทำได้เฉพาะบนคอมพิวเตอร์)


ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

Mozilla ออกคู่มือแนะนำแอพประชุมออนไลน์ที่ไว้ใจได้: Zoom ผ่านเกณฑ์, Discord สอบตก

มาถึงตอนนี้ทุกคนคงใช้แอพประชุมออนไลน์กันหมดแล้ว โดยมีผู้เล่นในตลาดมากมายทั้งบริษัทเล็กใหญ่ ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งที่ดังขึ้นมาในช่วงโรคระบาดคือ Zoom แต่ดังได้ไม่นานก็มีข่าวด้านลบเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอพนี้เข้ามาหลายเรื่อง ซึ่ง Zoom ก็ได้รีบจัดการกับประเด็นดังกล่าวและร่วมมือกับหลายบริษัทในการยกเครื่องความปลอดภัย

นอกจากนี้ก็มี Microsoft Teams ที่ตัวเลขผู้ใช้ก้าวกระโดดเช่นกัน โดยการใช้งานประชุมออนไลน์เพิ่มขึ้น 200% ในเวลาเพียงครึ่งเดือน หรือซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นกันถ้วนหน้า เช่น Google Meet, BlueJeans, Cisco Webex ฯลฯ

ด้าน Mozilla ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ Firefox ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวสูงก็มีคู่มือชื่อ *Privacy Not Included อยู่ โดยรีวิวสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งโฟกัสกับประเด็นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าสินค้าที่เราสนใจหรือใช้งานอยู่นั้นปลอดภัยเพียงใด

ภาพโดย Mozilla
ล่าสุด Mozilla ได้รีวิวแอพประชุมออนไลน์หลายยี่ห้อในตลาดว่าเชื่อถือได้หรือไม่ มีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วงสำหรับการใช้งาน โดย Zoom ที่มีข่าวด้านลบเยอะกลับทำคะแนนได้ 5 เต็ม ซึ่ง Mozilla เปิดเผยว่าใช้ Zoom อยู่เช่นกัน และ Zoom ออกอัพเดตความปลอดภัยถี่มากในช่วงนี้ รวมถึงใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนในการเข้าประชุม อีกทั้งยังระบุว่า Zoom มีความพยายามแก้ไขประเด็นต่างๆ อย่างหนัก

แอพตัวอื่นที่ได้ 5 คะแนนเต็มก็มากันครบทุกเจ้าใหญ่ๆ เช่น Microsoft Teams, Google Meet, Cisco Webex, BlueJeans, Skype ฯลฯ โดยผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของ Mozilla คือเข้ารหัสการเชื่อมต่อ, มีอัพเดตความปลอดภัย, ใช้รหัสผ่าน, มีโครงการจัดการช่องโหว่ และมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ดี

แอพชื่อดังที่สอบตกคือ Discord ที่นิยมในหมู่เกมเมอร์และช่วงหลังก็ขยายไปกลุ่มอื่นด้วย โดย Discord ไม่ผ่านเกณฑ์เรื่องรหัสผ่าน เพราะ Mozilla ทดลองใช้รหัส 111111 แล้วพบว่าไม่มีการป้องกันการใช้รหัสที่ไม่ปลอดภัย อีกทั้ง Discord ยังเป็นแพลตฟอร์มที่นิยมในการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องไม่ดี, การทำให้อับอาย, การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมอื่นๆ

นอกจากนี้แอพ Houseparty ที่ดังขึ้นมาช่วงนี้ก็สอบตกในเรื่องรหัสผ่านเช่นกัน

อ่านรีวิวแอพประชุมออนไลน์ทุกตัวได้ที่นี่

ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

SCB ประกาศ iOS ต่ำกว่า 10.3.4 และ Android ต่ำกว่า 6.0 จะใช้ SCB Easy ไม่ได้

ธนาคารไทยพาณิชย์ออกมาประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป อุปกรณ์ที่รัน iOS เวอร์ชันที่ต่ำกว่า 10.3.4 และ Android ที่ต่ำกว่า 6.0 Marshmallow ลงไป รวมถึงเครื่องที่ผ่านการ Root และ Jailbreak จะไม่สามารถใช้งาน SCB Easy ได้แล้ว

นอกจากนี้แม้จะไม่สามารถใช้งานแอปได้ หากกรณีที่มีการทำรายการล่วงหน้าเอาไว้ในแอป คำสั่งดังกล่าวจะยังถูกดำเนินการต่อไปด้วย ขณะที่ประกาศนี้สอดคล้องกับประกาศของแบงค์ชาติเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แอปโมบายล์ แบงค์กิ้ง


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

Google เตรียมเปิดตัวบัตรเดบิต เพื่อแข่งกับ Apple Card และ Huawei Card


แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple ได้เปิดเปิดตัว Apple Card ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2019 โดยเริ่มให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา และ Huawei ก็ได้เปิดตัวบัตรเครดิต Huawei Card ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดเว็บไซต์ TechCrunch ได้รายงานว่า Google เตรียมจะเปิดตัวบัตรของตนเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบชื่อบัตรอย่างเป็นทางการ

ในขณะที่ Apple Card เป็นบัตรเครดิตที่ได้ร่วมกับทาง Mastercard และ Goldman Sachs แต่บัตรของทาง Google นั้น จะเป็นบัตรเดบิตที่ร่วมกับธนาคารอื่น เช่น Stanford Federal Credit Union และ Citi เป็นต้น โดยเบื้องต้นจะเป็นบัตร Visa และจะขยายการชำระเงินในรูปแบบของบัตร Mastercard ต่อไป

อีกทั้งจะมีบัตรในรูปแบบดิจิทัลสำหรับชำระเงินผ่าน Bluetooth ด้วย


ทั้งนี้ ผู้ใช้บัตรของ Google จะสามารถตรวจสอบการธุรกรรมการเงินทั้งหมดจากแอป Google Pay, มีตัวเลือกให้ล็อกบัตรในกรณีที่บัตรถูกขโมยไปได้ และถ้าหากมีการเข้าถึงบัญชีโดยที่ผู้ใช้มิได้อนุญาต ผู้ใช้ก็สามารถล็อกการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน


ในขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า Google จะเปิตดัวบัตรเดบิตของตนเมื่อไร


ที่มา: Beartai

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

Raspberry Pi 4 ขายดีช่วงคนอยู่บ้าน ผู้ดูแลโครงการชี้คนซื้อไปใช้เป็นพีซีจริงๆ

Raspberry Pi Foundation มูลนิธิผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ Raspberry Pi รายงานยอดขายรวมเดือนมีนาคม ว่าอยู่ที่ 640,000 เครื่อง นับเป็นยอดขายรายเดือนสูงสุดอันดับสองนับแต่เริ่มโครงการมา โดย Eben Upton ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการระบุว่า คนซื้อนั้นนำไปใช้เป็นคอมพิวเตอร์ประจำวันจริงๆ

เขาระบุว่าช่วงเวลาที่หลายคนทำงานที่บ้านทำให้คอมพิวเตอร์ในบ้านไม่เพียงพอ จากเดิมที่หลายบ้านอาจจะมีคอมพิวเตอร์กลางบ้านไว้แบ่งกัน แต่เมื่อทุกคนต้องใช้งานพร้อมกันก็ต้องหาทางออกให้มีคอมพิวเตอร์พอใช้งาน

Upton ระบุว่ายอดขาย Raspberry Pi ฝั่งอุตสาหกรรมนั่นค่อนข้างคงที่ ขณะที่ Raspberry Pi เติบโตขึ้นจนต้องเร่งกำลังผลิตเต็มอัตรา (เขาเทียบว่าเหมือนบิดเร่งจากเบอร์ 4 ไปเบอร์ 10) และระบุว่ายอดขายนี้แสดงให้เห็นว่า Raspberry Pi เป็นคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่แม้จะเล่นเกมแรงๆ ไม่ได้แต่ก็เพียงพอสำหรับการเช็คอีเมลหรือทำงานเอกสาร


ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563

Qt Company พิจารณาปิดซอร์สเวอร์ชั่นใหม่นาน 12 เดือน, อาจทำให้โครงการถูก fork

Olaf Schmidt-Wischhöfer จาก KDE เล่าถึงสถานะการณ์ของ Qt ไลบรารี GUI ที่เป็นแกนกลางของระบบเดสก์ทอป KDE ว่าบริษัทกำลังพยายามเร่งรายได้ระยะสั้น โดยความเป็นไปได้หนึ่งคือการปิดเวอร์ชั่นล่าสุดทั้งหมดไม่ให้โลกโอเพนซอร์สใช้งานเป็นระยะเวลา 12 เดือน

Qt เป็นไลบรารีที่พัฒนาโดยบริษัท Trolltech และเคยขึ้นถึงสุดสูงสุดคือโนเกียซื้อบริษัทไป เพื่อพัฒนาโทรศัพท์ในระบบปฎิบัติการ MeeGo แต่ก็ล้มเหลวและขายบริษัทแยกออกมา โดยบริษัทพยายามหารายได้จากการขายซัพพอร์ตตัวไลบรารีและเครื่องมือออกแบบ GUI

ก่อนหน้านี้ Qt Company เคยปิดเวอร์ชั่นซัพพอร์ตระยะยาว (LTS) ให้สำหรับลูกค้าที่ซื้อไลเซนส์เท่านั้น การปิดซอร์สเวอร์ชั่นล่าสุดจะทำให้ชุมชนฝั่ง KDE ได้ใช้โค้ดที่แก้ปัญหาช้ากว่าปกติ และอาจจะกลายเป็นการบีบให้ KDE ต้อง fork โครงการออกมาทำเอง

Olaf ระบุว่าสาเหตุที่บริษัทมีแนวโน้มจะตัดสินใจเช่นนี้เพราะเศรษฐกิจที่แย่ลงอย่างรวดเร็วจากโรค COVID-19 ทำให้ต้องเร่งทำรายได้ในระยะสั้น


ที่มา: Blognone

Bootstrap ประกาศแผนยกเลิกการรองรับ IE ในเวอร์ชันใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว

Bootstrap ซึ่งเป็น UI Framework ยอดนิยม ประกาศแผนยกเลิกการรองรับ Internet Explorer ใน Bootstrap 5 ที่จะเปิดตัวออกมาในปีนี้

 
หนึ่งในผู้พัฒนา Bootstrap ได้ออกมากล่าวใน Github ว่ามีแผนจะยกเลิกการรองรับ Internet Explorer ทั้งเวอร์ชัน 10 และ 11 ใน Bootstrap 5 ที่กำลังจะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ ซึ่งการประกาศในครั้งนี้เป็นหนึ่งใน Milestone ของทาง Bootstrap อยู่แล้ว และการยุติการรองรับ IE นั้นจะทำให้สามารถพัฒนาฟีเจอร์อื่นๆได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม Bootstrap 4 จะยังคงรองรับการใช้งาน IE ต่อไป ปัจจุบัน IE นั้นมีส่วนแบ่งในตลาด Web Browser อยู่ที่ประมาณ 1-2% เท่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อาจจะกระทบลูกค้าองค์กรเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจาก Microsoft จะยังคงสนับสนุนการใช้งาน IE11 ไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025

จากการสำรวจของ W3Techs นั้น Bootstrap มีสัดส่วนการใช้งานอยู่ที่ 20.4% เมื่อเทียบกับจำนวนเว็บไซท์ทั้งหมด หรือมากกว่า 20 ล้านเว็บไซท์จากการสำรวจของ BuiltWith

ที่มา: TechTalk

ไม่หวั่นแม้ร้านตัดผมปิด Xiaomi Youpin วางจำหน่ายปัตตาเลียนชาร์จแบตได้!


ช่วงนี้ผู้เขียนก็หัวรุงรัง และคิดว่าใครหลายๆ คนก็คงเป็นไม่แพ้กัน เพราะร้านตัดผมต่างปิดกันหมดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องกลัวปัญหาร้านตัดผมปิดอีกเพราะ Xiaomi Youpin ก็วางจำหน่ายปัตตาเลียนให้สั่งซื้อแล้วจ้า

ร้านค้า Xiaomi Youpin บน Lazada ได้วางจำหน่ายปัตตาเลียนในชื่อ Xiaomi Enchen Electric Hair Trimmer Clipper


คุณสมบัติ

  • ทำงานด้วยปุ่มปุ่มเดียว สามารถเลือกระดับความยาวผมที่ต้องการได้ ตั้งแต่ 0.7 ถึง 21 มม.
  • หัวตัดเป็นเซรามิก แข็งแรงกว่าสแตนเลสธรรมดา 1.6 เท่า หากใช้โหมดทำงานตัดผมที่เร็วขึ้น จะทำให้เสียงดังและความร้อนสะสมน้อยกว่าแบบสแตนเลส โดยมีเสียงจากการทำงานน้อยกว่า 55 เดซิเบล
  • ความเร็วการทำงานเริ่มต้นอยู่ที่ 4,800 รอบต่อนาที แต่หากเป็นโหมดเทอร์โบจะเร่งรอบการทำงานสูงสุด 5,800 รอบต่อนาที ทำให้ตัดผมที่หนาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
  • หัวตัดใช้เทคโนโลยี ESM (Energy Smart Manager) ป้องกันผมติดใบมีด
  • ด้วยการออกแบบ R Type Rounded Corner Processing หรือฐานปัตตาเลียนแบบโค้งมน ทำให้ไม่เกิดอันตราย ปลอดภัยทุกมุมขณะการใช้งาน
  • มีให้เลือกสองสี ขาว และ ดำ
ที่สำคัญคือปัตตาเลียน Xiaomi Enchen Electric Hair Trimmer Clipper ใช้พอร์ต USB-C สำหรับการจ่ายไฟเข้า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ชื่นชมมาก เพราะสามารถใช้ที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนไปมาหลายสายครับ

สำหรับราคานั้นวางจำหน่ายบน Lazada – Xiaomi Youpin อยู่ที่ 498 บาท เป็นสินค้าจัดส่งจากต่างประเทศ อาจจะต้องรอสักพัก แต่ทั้งนี้บน Lazada และ Shopee ก็มีอีกหลายร้านที่ขายด้วยเช่นเดียวกัน สามารถเลือกหาราคาที่ถูกที่สุดได้ด้วยตัวเองนะครับ
 
ที่มา: Beartai