วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เปิดตัว Meta Quest 3 จอชัดขึ้น ใช้ชิป Snapdragon XR2 Gen 2 ราคาเริ่มต้นเกือบ 20,000 บาท

Meta Quest 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นอุปกรณ์ mixed reality (MR) headset ที่ในครั้งนี้มีหน้าจอ (เลนส์) ที่บางเบาลง มีความละเอียด 2208 x 2064 พิกเซล อัตรารีเฟรช 90 Hz และโหมดทดลอง 120 Hz โดยให้มุมมอง 110 องศาในแกนนอน และ 96 องศาในแกนตั้ง

Meta Quest 3 ใช้เลนส์ดีไซน์แบบแพนเค้กที่บางลงจากเดิม 40% แต่น้ำหนักของ Quest 3 จะอยู่ที่ 515 กรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Quest 2 เล็กน้อยประมาณ 12 กรัม

อุปกรณ์รุ่นนี้มาพร้อมตัวประมวลผลกราฟิกถึง 2 ตัว ได้แก่ชิป Snapdragon XR2 Gen 2 ของ Qualcomm คู่กับ DRAM 8GB นอกจากนี้ Quest 3 ยังติดตั้งกล้อง RGB มาถึง 2 ตัว และ depth projector ที่ให้ความละเอียดมากกว่าของ Quest 2 ถึง 10 เท่า

มีการติดตั้งลำโพงที่รองรับระบบ 3D spatial audio, สายรัดที่ปรับระยะได้, ตัวคอนโทรลเลอร์ Touch Plus พร้อม TruTouch haptics และผู้ใช้จะได้เซนเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของมือจากกล้อง IR 4 ตัว

ทั้งนี้ Meta ระบุว่า Quest 3 จะสามารถใช้งานได้นานเฉลี่ย 2.2 ชั่วโมง ในขณะที่การชาร์จต้องใช้เวลา 2.3 ชั่วโมงถึงจะชาร์จจนเต็มได้

สำหรับราคาของ Meta Quest 3 นั้นอยู่ที่ 500 เหรียญ (ราว 18,300 บาท) สำหรับรุ่น 128GB และ 650 เหรียญ (ราว 23,800 บาท) สำหรับรุ่น 512GB

ที่มา: Beartai

วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2566

Microsoft Teams เปิดตัวฟีเจอร์ Town Halls จัดประชุมขนาดใหญ่ ผู้ฟังสูงสุด 20,000 คน

ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์การประชุมขนาดใหญ่ Town Halls ให้กับ Microsoft Teams โดยจะมาแทนฟีเจอร์การประชุมของเดิม Teams Live Events ที่จะเลิกใช้งานในเดือนกันยายน 2024

Town Halls รองรับการประชุมแบบพร้อมหน้ากันทั้งบริษัท เข้าฟังได้สูงสุด 20,000 คน มีอีเวนต์แยกรันขนานกันได้สูงสุด 50 งาน, ระยะเวลาถ่ายทอดสดนานสูงสุด 30 ชั่วโมง

ฟีเจอร์อื่นๆ ถูกพัฒนามารองรับการประชุมขนาดใหญ่แบบครบถ้วน เช่น Green Room ห้องให้ผู้พูดเตรียมตัวกับผู้จัดงานก่อนขึ้นพูด, ระบบ Q&A ถามตอบ, การบันทึกวิดีโอ, การสื่อสารว่าจะมีงานถ่ายทอดผ่านอีเมล, ระบบเก็บสถิติและวิเคราะห์ผู้ชม เป็นต้น

Town Halls จะเริ่มเปิดใช้งานวันที่ 5 ตุลาคม 2023

ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

ชิป U2 บน iPhone 15 Series ฟีเจอร์ค้นหาเพื่อนระยะทางไกลสุด 60 เมตร


หนึ่งในการอัปเกรดภายในของ iPhone 15 ทุกรุ่น คือการติดตั้งชิป Ultra-wide-band ตัวใหม่อย่าง U2 ทำให้การเชื่อมต่อ และค้นหาสิ่งของแม่นยำขึ้น โดย iPhone 15 มาพร้อมกับฟีเจอร์ค้นหาเพื่อน ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถค้นหาเพื่อนได้ระยะทางไกลสุดประมาณ 60 เมตร

ก่อนหน้านี้ชิป U1 เคยถูกติดตั้งบน iPhone และ AirTags อุปกรณ์ไว้สำหรับติดตามสิ่งของ จากการทดสอบฟีเจอร์ค้นหาของ AirTags สามารถทำระยะทางค้นหาได้สูงสุดเพียง 10-15 เมตรเท่านั้นในพื้นที่เปิดโล่งแจ้ง

ช่องยูทูป Teknófilo ได้โพสต์วิดีโอทดสอบฟีเจอร์ค้นหาเพื่อนแอป Find My บน iPhone 15 พบว่าชิป U2 สามารถทำระยะทางค้นหาได้แม่นยำขึ้นกว่าชิป U1 ได้ระยะทางไกลสูงสุดประมาณ 60 เมตรในพื้นที่เปิดโล่งแจ้ง ซึ่งระยะทางดังกล่าวก็มากกว่าการค้นหาสิ่งของของ AirTags สูงขึ้นกว่า 3 เท่า

ที่มา: Beartai

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ผู้เชี่ยวชาญออกมาเปิดเผยเพราะอะไรใส่ Apple Vision Pro เวียนหัวน้อยกว่าแว่น VR อื่นๆ

หลังจากการเปิดตัวแว่นตา Apple Vision Pro ในงาน WWDC 2023 เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเปิดเผยเพราะอะไรใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัว

เดวิด รีด (David Reid) ศาสตราจารย์ด้าน AI และ Spatial Computing จากมหาวิทยาลัย Liverpool Hope ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัวกับทาง BBC ว่า ผมได้ทดลองเล่นแว่นตา VR มาหลากหลายรุ่นในท้องตลาด และตัวล่าสุด HoloLens 2 ผลทดลองใส่ทั้งหมดมีอาการเวียนหัวทั้งสิ้น

ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงหลังจากได้เข้าร่วมทดลองใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัว ก็คือ การออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนทำให้ภาพภายในแว่นมีความสมจริง และเป็นธรรมชาติ โดยปัญหาหลักๆ ของการใส่แว่น VR คือ อาการเวียนหัวจากจุดศูนย์รวมสายตา และการปรับโฟกัส Vergence accommodation conflict (VAC) เมื่อปัญหาทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมกันไม่สามารถปรับโฟกัสระยะทางของวัตถุแบบ 3 มิติได้ จะส่งผลให้เกิดความไม่สบายตา และปวดตา

โดยผลพวงของการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนของ Apple Vision Pro คือ การเลือกใช้จอแสดงผลภาพพาเนลแบบ Micro OLED จำนวนสองจอแยกแต่ละข้างที่มีความละเอียดสูง 23 ล้านพิกเซลมากกว่าจอทีวี และในแต่ละจอมีรีเฟรชเรตสูง 90 Hz

อีกทั้งยังมีการใช้ชิปประมวลผลคู่ Apple Silicon M2 และชิปใหม่ล่าสุดอย่าง R1 ที่ทาง Apple ได้อธิบายไว้ว่า ชิปตัวนี้จะประมวลผลอินพุตภาพจากกล้องหน้าแว่น, เซนเซอร์ และไมโครโฟน ที่ช่วยสตรีมภาพไปยังหน้าจอภายใน 12 มิลลิวินาทีเพื่อการมองเห็นภาพภายนอกแบบเรียลไทม์

ที่มา: Beartai

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

Amazon One ระบบจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ เพิ่มระบบยืนยันอายุอัตโนมัติ สำหรับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

บริการระบบจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ Amazon One ประกาศเพิ่มคุณสมบัติใหม่ โดยนอกจากใช้จ่ายเงินได้แล้ว ยังสามารถใช้ยืนยันอายุของผู้ซื้อ สำหรับการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ด้วย จากเดิมในขั้นตอนนี้ผู้ซื้อต้องแสดงเอกสารที่ออกให้โดยหน่วยงานรัฐทุกครั้ง

โดย Amazon เพิ่มระบบยืนยันอายุใน Amazon One ผู้ใช้งานสามารถไปที่เว็บไซต์หรือคิออสก์ แล้วอัปโหลดภาพเอกสารยืนยันอายุของหน่วยงานรัฐ (ในอเมริกานิยมใช้ใบขับขี่) พร้อมกับเซลฟี่ใบหน้า ซึ่ง Amazon จะทำการตรวจสอบความถูกต้องเอกสาร แต่ไม่เก็บข้อมูลไว้ แล้วใช้เฉพาะภาพเซลฟี่ใบหน้านี้แสดงประกอบทุกครั้ง เมื่อสแกนฝ่ามือจ่ายเงินให้ร้านค้าเปรียบเทียบความถูกต้อง

Amazon จะเริ่มใช้ระบบตรวจสอบอายุของ Amazon One นี้ที่ SandLot Brewery บาร์หน้าสนามเบสบอล Coors Field ของทีม Colorado Rockies โดยหวังว่าจะช่วยลดขั้นตอนการซื้อ-ยืนยันอายุ ที่ทำให้แถวรอยาวนั่นเอง แล้วเตรียมขยายต่อไปยังสถานที่อื่นในอนาคต

ปัจจุบันระบบจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ Amazon One มีให้ใช้งานใน Whole Foods Market, ร้าน Amazon Go และ Amazon Fresh ตลอดจนร้านค้าพาร์ตเนอร์อีกหลายแห่ง

ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566

คนขับรถเมล์ในซานฟรานซิสโกโวย รถไร้คนขับไม่เก่งอย่างที่โม้ ทำรถติด

Wired รายงานถึงการทดสอบรถแท็กซี่ไร้คนขับในเมืองซานฟรานซิสโก ที่เปิดให้บริษัทต่างๆ เข้ามาทดสอบรถไร้คนขับเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องมีพนักงานอยู่หลังพวงมาลัยในกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา แม้ว่าในกรณีทั่วๆ ไปจะทำงานได้ดี แต่เมื่อเกิดเหตุที่ต้องตัดสินใจนอกจากรูปแบบปกติขึ้นมาจริงๆ รถไร้คนขับก็ทำรถติดได้มากกว่าคนมาก

ทาง Wired ขอข้อมูลจาก Muni ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะของซานฟรานซิสโกที่เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีเกิดเหตุอย่างน้อย 12 ครั้งจนถึงต้นเดือนมีนาคมนี้ เหตุการณ์เช่น รถสวนกันในถนนที่พื้นที่ไม่พอให้สวนทาง ถ้าเป็นคนขับปกติก็สามารถตัดสินใจถอยรถหลีกทางได้ทันที แต่ Waymo ต้องเรียกผู้ช่วยมาขยับรถให้ ทาง Waymo เองพยายามบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และผู้ช่วยก็ไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับบริษัทอื่นๆ ด้วย เช่น Cruise เองก็มีเหตุที่รถไม่ยอมขยับแม้จะไฟเขียวแล้ว

ที่ผ่านมาบริษัทรถไร้คนขับมีรายงานความปลอดภัยกันอย่างต่อเนื่อง สถิติแสดงให้เห็นว่ารถไร้คนขับนั้นปลอดภัยมาก และแทบไม่เคยชนโดยตัวรถเป็นฝ่ายผิดเลย แต่ในความเป็นจริง ความสามารถในการจัดการเหตุการณ์อื่นๆ นอกจากอุบัติเหตุถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ควรพิจารณานำรถไร้คนขับมาใช้งานจริง


ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2566

Huawei เริ่มผลิตชิปเองได้แล้ว!

ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei จู้ จือจุน (Xu Zhijun) เผยข่าวดีว่าตอนนี้บริษัทประสบความสำเร็จในการผลิตชิปแล้ว โดยจะเริ่มต้นที่เทคโนโลยี 14nm ก่อนเป็นอันดับแรก

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทีมพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ รวมถึงพาร์ตเนอร์ภายในประเทศ ได้ร่วมมือกันจนสามารถใช้งานเทคโนโลยีการผลิตชิปได้ ทีมพัฒนาได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ รวมถึงเปิดตัวเครื่องมือที่ชื่อว่า cloud-native schematic diagram สร้างเลย์เอาต์ PCB ความเร็วสูงและความไวสูง และยังมีการปรับปรุงเครื่องมือ CAD 2D/3D สำหรับการออกแบบโครงสร้างใหม่ด้วย

Huawei ได้พัฒนาทีมเครื่องมือ EDA ร่วมกับบริษัท EDA ท้องถิ่น เพื่อร่วมกันสร้างเครื่องมือ EDA ที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยี 14nm และสูงกว่า

จือจุนระบุว่าเครื่องมือสำหรับการผลิตชิประดับ 14nm และสูงกว่าจะได้รับการรับรองการใช้งานภายในปีนี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาของ Huawei และบริษัทจีนที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ

ที่มา: Beartai

วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566

Agility Robotics เปิดตัว Digit หุ่นยนต์จำลองมนุษย์ เดิน 2 ขา รุ่นอัปเกรด

Agility Robotics เปิดตัว Digit หุ่นยนต์รุ่นล่าสุด ที่ได้อัปเกรดส่วนหัวเข้าไปพร้อมกับไฟ LED ที่เคลื่อนไหวได้ 1 คู่ จากตัวรุ่นเก่าที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 นั้นไม่มีส่วนหัว นี้ไม่ใช่การอัปเกรดให้มันคล้ายมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการเพิ่มเซนเซอร์และกล้องถ่ายทอดการมองเห็นเข้าไป และไว้บอกทิศทางที่หุ่นจะไป


Digit หุ่นยนต์จำลองการเดิน 2 ขาและมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ มีส่วนสูงอยู่ที่ 175 ซม. หนัก 65 กก. สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 16 กก. ทำงานได้ถึง 16 ชม. เป็นหุ่นยนต์อเนกประสงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อการทำงานโลจิสติกส์ และงานในอุตสาหกรรม สามารถขนย้ายสิ่งของ และจัดส่งสินค้าได้ด้วยการเคลื่อนไหวแบบมนุษย์ เดินไปข้างหน้า, ย้อนกลับ, เลี้ยวเข้าที่, เดินหมอบ, เดินขึ้นลงที่ชัน, และสามารถเดินข้ามขอบถนนหรือหินได้ กับเซนเซอร์อัจฉริยะ หยุดชั่วคราวเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง หมุนร่างกายเพื่อมองรอบๆ ใช้แขน, มือ, และเท้าในการทรงตัวเมื่อถูกชน หยิบของและวางสิ่งที่มีน้ำหนักต่างกันได้ พร้อมระบบชาร์จอัตโนมัติ เมื่อพลังงานไกล้หมดสามารถไปยังแท่นชาร์จอัตโนมัติ

Digit อาจมีบทบาทสำคัญในการทำงานร่วมกับมนุษย์ในอุตสาหกรรมโรงงาน ที่เปรียบเสมือนกับพนักงานคนหนึ่งในระบบโรงงานในอนาคต

ที่มา: Beartai

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2566

Bing มีความสามารถใหม่ที่สามารถสร้างภาพด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง Dall-E จาก OpenAI

ล่าสุด Microsoft เพิ่มความสามารถสร้างภาพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Dall-E ลงไปใน Bing ที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพอะไรก็ได้ตามความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง

ความสามารถสร้างภาพใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Dall-E ใน Bing จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพด้วยความคิดสร้างสรรค์ และ Microsoft ได้เพิ่มปุ่ม Bing Image Creator ลงไปในแถบด้านข้างของเว็บบราวเซอร์ Microsoft Edge เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด

หากต้องการที่จะใช้คุณสมบัตินี้ผู้ใช้งานจะต้องเลือกโหมดสร้างสรรค์ (Creative) ใน Bing และพิมพ์คำอธิบายของรูปภาพที่ต้องการสร้าง


เมื่อใช้งานฟีเจอร์สร้างภาพใน Bing แล้วไม่พบการแสดงตัวอย่างของภาพ สามารถเข้าไปดูตัวอย่างของรูปภาพได้ที่เว็บไซต์ Bing Image Creator และในอนาคตจะมีการผสานรวมตัวกันระหว่าง Bing Image Creator กับ Bing โหมดสร้างสรรค์ที่จะแสดงตัวอย่างรูปภาพในกล่องข้อความ Bing ในทันที อีกทั้ง Microsoft ยังมีแผนที่จะรองรับภาษาอื่นๆ ใน Bing เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อการป้อนคำสั่งที่ง่ายมากยิ่งขึ้น

ที่มา: Beartai

Zipline เปิดตัวโดรนส่งของรุ่นใหม่ ปล่อยยานลูกมาส่งของ ส่วนยานแม่อยู่เกือบ 100 เมตรเหนือพื้น

Zipline บริษัทโดรนขนส่งของอเมริกา ที่เคยมีบทบาทการขนส่งอุปกรณ์การแพทย์ และวัคซีนโควิด-19 ในประเทศกานา ในสถานการณ์โรคระบาด การจราจรติดขัด พฤติกรรมของมนุษย์ยุคใหม่ที่เน้นความสบาย เพื่อการพัฒนาการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสะดวกสบาย การใช้เทคโนโลยีขนส่งด้วยโดรนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในสังคม

บริษัท Zipline ได้พัฒนาการขนส่งด้วยโดรนแบบใหม่อย่าง Platform (P2) Zip ใช้ระบบสายไฟปล่อยตัวหุ่นส่งของคอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก ออกจาก P2 ที่มีลักษณะเหมือนยานแม่ที่ลอยอยู่เหนือจุดส่งของ 300 ฟุต (ประมาณ 90 เมตร) เพื่อป้องกันใบพัดไม่ให้ชนกับสิ่งต่างๆ และลดเสียงรบกวนต่อผู้คน ตัวหุ่นขนาดเล็กมีความสามารถในเปลี่ยนทิศทางด้วยตนเองด้วยใบพัดขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความแม่นยำตอนปล่อยพัสดุลง เช่น บนโต๊ะ หรือบันไดหน้าบ้าน

P2 สามารถเดินทางได้ไกลถึง 24 ไมล์ (38.6 กม.) ต่อเที่ยวในกรณีไม่ได้บรรทุกสัมภาระ และเดินทางได้ 10 ไมล์ (16 กม.) ในกรณีบรรทุกสัมภาระน้ำหนัก 6 ถึง 8 ปอนด์ (2.7 – 3.6 กก.) โดยใช้เวลาจัดส่งภายใน 10 นาที

ที่มา: Beartai