วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561

Tesla Model 3 รุ่นจำหน่ายจริงราคาเริ่ม 1.16 ล้านบาท พวงมาลัยขวารอ ปี 2019

Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ เผยสเปคและราคาเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงในต่างประเทศอย่างเป็นทางการ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Standard เริ่มต้น 1.16 ล้านบาท กับ Long Range ราคา 1.46 ล้านบาท ส่วนพวงมาลัยขวาจะเริ่มต้นผลิตในปี 2019


Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ รถไฟฟ้าระดับเริ่มต้น (Entry Level) หรือพูดง่ายๆ ว่าราคาจ่ายได้สบายกว่า Tesla Model S ในเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงที่หลายคนรอคอยนั้นได้รับการเผยโฉมรวมถึงรายละเอียดทางเทคนิคอย่างเป็นทางการแล้ว และถึงแม้ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ จะดูล้ำเข้ากับยุคสมัยแต่ Tesla ก็ขอย้ำแล้วย้ำอีกว่า Tesla Model 3 ไม่ใช่รถรุ่นใหม่ที่ไฮเทคกว่าที่เคยมี หนำซ้ำยังธรรมดา เล็ก เรียบง่าย และด้อยกว่า Tesla Model S ในทุกด้าน เพื่อให้มีราคาจำหน่ายที่ถูกลงเท่านั้น

แต่เราเชื่อว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็รับรู้อยู่แล้วว่า Tesla Model 3 ปี 2018 นั้นถูกวางตำแหน่งไว้อย่างไร และไม่ว่า Tesla จะย้ำแค่ไหนก็ไม่น่าทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่พลีชีพจองไปแล้วล้มเลิกความตั้งใจที่จะครอบครอง Tesla Model 3 หรือหันไปซื้อ Tesla Model S ได้มากกว่านี้แน่นอน (อย่างน้อยก็ตอนนี้) เพราะจัดว่าเป็นรถไฟฟ้าที่ดูดีและมีความคล้ายกับ Tesla Model S มาก แต่ราคาไม่แพงจนเกินไปนัก (สำหรับรถไฟฟ้าและไม่บวกรายการที่เป็นออปชั่น) โดย Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Standard ราคาเริ่มต้น 35,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.16 ล้านบาท) และ Long Range ราคาเริ่มต้น 44,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านบาท)


สำหรับดีไซน์ภายนอกของ Tesla Model 3 ปี 2018 เวอร์ชั่นผลิตจริงก็ไม่ต่างไปจากภาพก่อนหน้าที่เห็นกันจนชินตานัก ซึ่งหลายคนอาจเผลอคิดไปว่าต่างประเทศมีขับกันเกลื่อนแล้ว แต่เปล่าเลย เพราะ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ ล็อตแรกเพิ่งออกจากสายการผลิตเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2560 และผู้บริหารรวมถึงพนักงานของ Tesla ก็ได้ไปใช้ก่อน ส่วนฝั่งลูกค้านอกจริงๆ ส่งมอบไปได้แค่ 30 คัน เมื่อ 28 กรกฎาคม 2560 จากยอดจองจำนวนมหาศาล

ขณะที่ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ จำนวน 100 คัน มีกำหนดส่งมอบได้อีกทีเดือนสิงหาคม และจะเพิ่มเป็น 1,500 คัน ในเดือนกันยายน ทั้งนี้หลังจากเดือนธันวาคม 2560 เป็นต้นไป ถึงจะผลิตได้เต็มกำลังสูงสุดที่ทำได้ อยู่ที่ประมาณ 5,000 คัน/สัปดาห์ ส่วนมิติตัวถังของ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ นั้นก็ไม่ได้เล็กมาก เพราะยาว 4,673 มม. กว้างถึง 1,932 มม. (ยังไม่รวมกระจกมองข้างด้วยซ้ำ) สูง 1,442 มม. ฐานล้อยาว 2,875 มม. และหนัก 1,603 กก. ในรุ่นย่อย Standard ส่วนรุ่นย่อย Long Range หนัก 1,730 กก. มีสีตัวถังมีเพียงสีดำเท่านั้นที่ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่หากต้องการสีอื่น เช่น สีเงิน ซิลเวอร์ เมทัลลิก, สีเงิน มิดไนท์ ซิลเวอร์ เมทัลลิก, สีน้ำเงิน ดีพ บลู เมทัลลิก, สีขาวมุก มัลติ-โค๊ต และสีแดง มัลติ-โค๊ต ต้องจ่ายเพิ่ม 1,000 ดอลลาร์ (3.3 หมื่นบาท) เช่นเดียวกับล้ออัลลอยหากขนาดมาตรฐาน 18 นิ้ว ยังเล็กไปต้องการเพิ่มเป็นขนาด 19 นิ้ว ก็จ่ายอีก 1,500 ดอลลาร์ (50,000 บาท)


ทางด้านภายในก็ค่อนข้างเรียบง่ายและแผงหน้าปัดมีเพียงจอแสดงผลขนาด 15 นิ้ว ซึ่งใหญ่มากติดตั้งอยู่บริเวณตรงกลางสำหรับแสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถรวมถึงแผนที่และระบบนำทาง กับพวงมาลัยทรง 3 ก้าน โดยรวมๆ แล้วก็ไม่มีอะไรที่ดูฟุ่มเฟือยหรือหรูหรามากมายนัก เบาะก็เป็นเบาะผ้า ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาตรฐานมีเพียง ระบบที่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้ง Wi-Fi และ LTE, กุญแจ Keyless และความคุมระบบปรับอากาศได้ผ่านแอพพลิเคชั่น (บนสมาร์ทโฟน), ระบบการสั่งงานอุปกรณ์ด้วยเสียง, ระบบปรับอากาศแบบ 2 โซน (Dual Zone Climate Control) และกล้องมองหลัง เป็นต้น

ส่วนที่เหลือเป็นออปชั่นในพรีเมียมแพ็กเกจ ราคา 5,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.67 แสนบาท ก็จะได้ ระบบอุ่นเบาะ, แถบประดับลายไม้แบบโชว์ผิว (open pore wood decor), เบาะและแผงประตูหุ้มหนัง, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง, พวงมาลัยและกระจกมองข้างปรับไฟฟ้าที่สามารถบันทึกตำแหน่งของผู้ขับขี่ได้, ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมรอบทิศทาง, หลังคากระจกที่กันแสงยูวีและอินฟาเรด, กระจกมองข้างที่ลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ พับไฟฟ้า และทำความร้อนเพื่อละลายหิมะหรือหยดน้ำได้, ไฟตัดหมอกแบบ LED รวมไปถึงคอนโซลกลางที่มีฝาปิดและช่องวางสมาร์ทโฟน


Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ จะสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลประมาณ 354 กม. ในรุ่นย่อย Standard และเกือบ 500 กม. ในรุ่นย่อย Long Range ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. นั้นทำได้อยู่ประมาณ 5.1-5.6 วินาที แม้ว่าจะไม่หวือหวาแล้วในยุคนี้แต่ก็ถือว่าเร็วเหลือเฝือ นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสำหรับ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ ที่ระบุไว้มีแค่ ถุงลมนิรภัย 8 จุด, ระบบเบรก ABS, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า, ระบบควบคุมการทรงตัว (Electronic Stability) รวมถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) เป็นต้น

ทั้งนี้หากต้องการระบบขับขี่อัตโนมัติ Autopilot ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 5,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 1.7 แสนบาท ซึ่งช่วยให้ Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ เปลี่ยนช่องทางการจราจรและถอยจอดรถได้อัตโนมัติ (แบบ Tesla Model S) รวมไปถึงสามารถดาวน์โหลดความสามารถใหม่ๆ ได้อีกในอนาคต นอกจากนี้ Tesla ยังยืนยันว่า Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ จะรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบได้ แต่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดประมาณ 3,000 ดอลลาร์ หรือราว 1 แสนบาท


ข่าวร้ายนิดๆ ก็คือหาก Tesla Model 3 ปี 2018 ใหม่ ใส่ออปชั่นมาเต็มพิกัดก็จะไม่ได้เป็นรถไฟฟ้าที่ถูกนัก และที่ร้ายยิ่งกว่าคือ Tesla Model 3 รุ่นพวงมาลัยขวาจะเริ่มผลิตกันในปี 2019 ใครที่ยังแอบหวังว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสก็คงต้องนอนรอกันไปยาวๆ เพราะขนาดพวงมาลัยซ้ายถ้าจองตอนนี้ยังต้องรอขั้นต่ำ 1 ปี เลยทีเดียว


ที่มา: K@POOK!

Docker อายุครบ 5 ปี มีผู้ใช้งานโหลด Container ไป 37,000 ล้านครั้งแล้ว

Docker เทคโนโลยีที่ทำให้ Container ก้าวสู่การเป็น Mainstream ในทุกวันนี้ได้อายุครบ 5 ปีในเดือนมีนาคม 2018 นี้แล้ว พร้อมเผยสถิติการใช้งานและประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

  • เริ่มมีลูกค้า Docker EE แบบจ่ายเงินใช้แล้วมากกว่า 450 องค์กร
  • มีการโหลด Container ไปใช้งานมากกว่า 37,000 ล้านครั้ง
  • มีตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ Docker ประกาศอยู่บน LinkedIn มากกว่า 15,000 ตำแหน่ง
  • มี Application ที่ถูกทำ Dockerize แล้ว 3.5 ล้าน Application
  • มี Docker User Group มากกว่า 200 กลุ่มที่ยัง Active อยู่ทั่วโลก
  • ร่วมก่อตั้ง Open Container Initiative (OCI)
  • มอบโครงการ containerd และ Notary ให้กับ Cloud Native Computing Foundation (CNCF)
สำหรับอนาคต Docker เองก็จะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานในฝั่งองค์กรให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในมุมของ Security, Automation, Networking, Storage และอื่นๆ

ที่มา: TechTalk

แพตช์ล่าสุดของ Spring Framework อุดช่องโหว่ระดับวิกฤติด้วย ควรเร่งอัพเดต

แพตช์ของ Spring Framework 4.3.14 และ 5.0.4 ออกมาตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา แต่วันนี้ทาง Pivotal ก็ประกาศเพิ่มเติมว่าแพตช์ชุดนี้แก้ช่องโหว่ 3 รายการ โดยมีรายการหนึ่งเป็นช่องโหว่ระดับวิกฤติ เปิดทางให้แฮกเกอร์ส่งโค้ดเข้ามารันได้

ช่องโหว่ CVE-2018-1270 เปิดทางให้แฮกเกอร์ยิงข้อความที่สร้างเฉพาะเข้ามาในโมดูล spring-messaging หากมีกระบวนการยืนยันตัวคน เช่น Spring Security ก็จะจำกัดผู้โจมตีลงไปได้

อีกช่องโหว่ เป็นช่องโหว่ระดับสูง CVE-2018-1271 เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถอ่านไฟล์ได้เกินกว่าที่กำหนดไว้

โครงการที่ใช้ Spring Framework ควรเร่งอัพเดตโดยเร็ว


ที่มา: Blognone

ไมโครซอฟท์เปิดคอร์สวิชา AI ที่ใช้สอนพนักงาน ให้คนทั่วไปเรียนฟรีออนไลน์

ไมโครซอฟท์ประกาศนำคอร์สชุด Microsoft Professional Program for Artificial Intelligence ที่ใช้สอนพนักงานของตัวเองเรื่อง AI และ data มาให้คนทั่วไปเรียนฟรีๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต

คอร์สชุดนี้มีทั้งหมด 10 หัวข้อย่อย เช่น การเขียน Python เพื่อจัดการกับข้อมูล, คณิตศาสตร์และสถิติ ไปจนถึง machine learning และ deep learning แต่ละหัวข้อต้องใช้เวลาเรียน 8-16 ชั่วโมง และถ้าเรียนครบทั้งหมด รวมถึงทำโปรเจคต์ส่งครบ ก็จะได้ใบรับรอง Microsoft Professional Program Certificate in Artificial Intelligence ไว้ยืนยันความสามารถด้วย

การเรียนจะผ่านระบบของ edX ที่ไมโครซอฟท์เป็นพาร์ทเนอร์อยู่แล้ว ที่ผ่านมามีพนักงานของไมโครซอฟท์จบคอร์สนี้ไปแล้วมากกว่า 1,200 คน รายละเอียดของคอร์สดูได้จาก Microsoft Academy


 
ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ให้บริการเป็นรถแท็กซี VIP

BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน (ทำความรู้จักกับ BYD เพิ่มเติมได้ที่บทความนี้) ได้เยือนไทยอย่างเป็นทางการด้วยการนำรถยนต์ BYD มาให้บริการรถแท็กซี่จากการนำเข้าของบริษัท Rizen Energy ในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

รถยนต์ที่ถูกนำเข้ามาให้บริการแท็กซี่คือ BYD e6 รถไฟฟ้าซีดาน 5 ประตูแบบ Full Electric และถูกวางตัวเป็นแท็กซี่พรีเมียม ทำให้อาจมีการคิดราคาสูงกว่าปกติ โดยรถยนต์ไฟฟ้าชุดแรกจะเริ่มวิ่งให้บริการเร็วๆ นี้ ขณะที่ BYD มีแผนจะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาในไทยอีกราว 1,000 คันภายใน 2019

BYD e6 และรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของ BYD ถูกนำมาจัดแสดงที่งานมอเตอร์โชว์ที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้ด้วย


ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561

Solomon Hykes ผู้ก่อตั้งซอฟต์แวร์ Docker ลาออกจากบริษัท Docker Inc.

Solomon Hykes ผู้ก่อตั้งซอฟต์แวร์ Docker ชาวฝรั่งเศส ประกาศลาออกจากบริษัท Docker Inc. ที่เขาร่วมก่อตั้งแล้ว

Hykes เป็นผู้เขียน Docker คนแรก และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Dotcloud ในปี 2010 (ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Docker Inc.) โดยเขานั่งเป็นซีอีโอคนแรกของบริษัท ก่อนเปลี่ยนบทบาทเป็นซีทีโอในปี 2013 โดยจ้างผู้บริหารคนนอกที่มีประสบการณ์มาทำงานเป็นซีอีโอแทน

Hykes จะยังมีบทบาทเป็นผู้ถือหุ้นและบอร์ดต่อไป แต่ไม่มีตำแหน่งงานในบริษัทอีกแล้ว เขาให้เหตุผลของการลาออกว่าปัจจุบัน Docker Inc. เปลี่ยนจากสตาร์ตอัพมาเป็นบริษัทที่มั่นคง รายได้เติบโตก้าวกระโดด บริษัทจำเป็นต้องมีซีทีโอที่มีประสบการณ์ฝั่งลูกค้าองค์กรมากกว่าตัวเขา เขาจึงลาออกเพื่อเปิดทางให้สรรหาซีทีโอคนใหม่ ส่วนตัวเขาเองจะหาโอกาสใหม่ๆ ช่วยเหลือคนรอบตัวต่อไป


ที่มา: Blognone

เปิดตัว iPad รุ่นใหม่ 9.7 นิ้ว รองรับ Apple Pencil เริ่มต้น 11,500 บาท ขายไทยเมษายน

แอปเปิลเปิดตัว iPad รุ่นใหม่สำหรับตลาดการศึกษาตามข่าวลือ เป็น iPad รุ่น 9.7 นิ้วเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือรองรับ Apple Pencil หน้าจอยังคงเป็น Retina Display ชิปเป็น A10 Fusion มาพร้อม Touch ID และรองรับ AR กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล วิดีโอสูงสุด FHD แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 10 ชั่วโมง

ที่น่าสนใจคือราคา iPad รุ่นใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 11,500 บาท ในรุ่น Wi-Fi และ 16,500 บาทในรุ่น Wi-Fi + Cellular ในความจุ 32GB ส่วน 128GB ราคา 14,900 และ 19,900 มีสี Silver, Space Grey และ Gold Finish

ในกลุ่ม 25 ประเทศแรกที่เปิดจองวันนี้เป็นวันแรกและเริ่มส่งมอบภายในสัปดาห์นี้ มีประเทศไทยด้วย โดยตอนนี้หน้าแอปเปิลประเทศไทยขึ้นข้อมูล iPad ใหม่แล้ว และจะวางขายเมษายนนี้ครับ
ที่มา: Blognone

แอพ Uber จะให้บริการในไทยอีกแค่ 2 สัปดาห์, คนขับ Uber ต้องลงทะเบียนกับ Grab ใหม่

จากข่าวดังประจำวัน Grab ประกาศเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Uber ใน Southeast Asia ในอีเมลประกาศข่าวของ Uber/Grab ระบุว่าแอพ Uber จะให้บริการต่อไปอีก 2 สัปดาห์ จนถึงแค่วันที่ 8 เมษายน 2561

คนขับในระบบของ Uber จำเป็นต้องลงทะเบียนกับ Grab ใหม่อีกครั้ง โดยข้อมูลในบัญชีของ Uber ของทั้งคนขับและผู้โดยสารจะถูกย้ายมายัง Grab โดยอัตโนมัติ

ส่วนแอพ UberEats จะให้บริการจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 จากนั้นข้อมูลรายชื่อผู้จัดส่งและร้านอาหาร จะถูกโอนไปยังแอพของ Grab (GrabFood) เช่นกัน

Grab ยังประกาศว่าจะขยายบริการ GrabFood ไปยังทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Grab มีธุรกิจอยู่ ภายในช่วงกลางปีนี้


เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น แกร็บและอูเบอร์จะทำงานร่วมกันในการย้ายฐานข้อมูลรายชื่อคนขับ และผู้โดยสารจากแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ รวมไปถึงลูกค้าที่สั่งอาหาร ผู้จัดส่ง และพันธมิตรร้านอาหารจากแอพพลิเคชั่นอูเบอร์อีทส์ ไปยังแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยแอพพลิชั่นอูเบอร์จะให้บริการต่อไปอีกเป็นเวลาสองสัปดาห์ เพื่อให้เวลาแก่คนขับในการเข้าไปลงทะเบียนสมัครกับแกร็บทางช่องทางออนไลน์ที่ www.grab.com/th/comingtogether ในส่วนแอพพลิเคชั่นอูเบอร์อีทส์นั้น จะให้บริการต่อไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 และหลังจากนั้นข้อมูลรายชื่อผู้จัดส่งและพันธมิตรร้านอาหารก็จะถูกถ่ายโอนไปยังแอพพลิเคชั่นของแกร็บ
 
ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

GitLab ซอฟต์แวร์ CI/CD ชื่อดัง เปิดให้เชื่อมต่อกับ GitHub โดยตรงแล้ว

GitLab ซอฟต์แวร์จัดการโครงการชื่อดัง ประกาศออกเวอร์ชันใหม่ 10.6 ที่สามารถทำงานร่วมกับซอร์สโค้ดที่เก็บบน GitHub ได้แล้ว

GitLab เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นจาก Git โดยมีหน้าที่สองส่วนคือเก็บซอร์สโค้ด (repository) และการจัดการโครงการ (CI/CD ย่อมาจาก continuous integration and continuous delivery)

ที่ผ่านมา GitLab ต้องการให้ลูกค้าเก็บซอร์สโค้ดไว้บนโฮสต์ของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง ผู้ใช้อาจเก็บซอร์สโค้ดไว้กับผู้ให้บริการรายอื่นๆ อยู่แล้ว และไม่อยากเปลี่ยนมาเก็บบน GitLab ทำให้สุดท้าย GitLab ต้องยอมเปิดกว้าง ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นมากขึ้น

แนวทางของ GitLab จะเริ่มจากโฮสติ้งยอดนิยมอย่าง GitHub ก่อน แต่เปิดกว้างให้เชื่อมกับรายอื่นๆ (เช่น BitBucket) ผ่าน API ได้เช่นกัน


การเปิดกว้างของ GitLab ทำให้โครงการโอเพนซอร์สที่อยู่บน GitHub สามารถใช้บริการ CI/CD เวอร์ชันฟรีของ GitLab ได้ทันที ส่วนลูกค้าองค์กรที่ใช้ GitHub เวอร์ชันเสียเงินก็จะได้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อนี้เช่นกัน

ฟีเจอร์อีกอย่างใน GitLab 10.6 คือการเชื่อมต่อกับ Kubernetes ที่แนบแน่นขึ้น ช่วยให้การ deploy โค้ดจาก GitLab ไปยังเครื่องคลัสเตอร์ที่รันด้วย Kubernetes สะดวกมากเพียงแค่คลิกเดียว

ที่มา: Blognone

Google Play เพิ่มฟีเจอร์ Instant Apps ทดลองเล่นเกม ก่อนโหลดแอพฯ

Google เปิดตัวฟีเจอร์ Instant Apps ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทดลองเล่มเกมหรือใช้แอพฯ บน Google Play ได้ทันที โดยไม่ต้องโหลดและติดตั้งให้เสียเวลา


จำนวนแอพฯ ใน Google Play มีมากมายเหลือคณา โดยเฉพาะแอพฯ เกม แต่ปัญหาส่วนมากที่หลายคนเจอคือ “ไม่รู้จัก” พอไม่รู้จัก ก็ไม่รู้ว่าจะโหลดมาดีไหม กลัวจะไม่สนุกแล้วเสียเวลาเปล่า จนในงาน Google Developer Day ประจำปี 2018 ทาง Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ที่มาช่วยแก้ปัญหาโดยเฉพาะคือ

Google Play Instant หรือ Instant Apps เป็นฟีเจอร์ขอทดลองใช้แอพฯ หรือ Play Demo เกมบน Google Play ทันที โดยไม่ต้องรอโหลดและติดตั้งให้เสียเวลา ส่วนลักษณะฟีเจอร์ จะมาเป็นปุ่ม “Try Now” ข้าง ๆ ปุ่มโหลดแอพฯ ให้เรากดเพื่อทดลองใช้แอพฯ หรือเล่นนั้นๆ ก่อนโหลดได้เลย ปัจจุบันเริ่มมีบางแอพฯ บางเกมรองรับฟีเจอร์นี้แล้ว และจะมีมากขึ้นในอนาคต

ส่วนหน้าตาการใช้งาน Instant Apps เป็นไง ลองดูคลิปนี้เลยครับ


ที่มา: ARiP