วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Google Maps เปลี่ยนการแสดงแผนที่แบบใหม่จากแผ่นกระดาษ 2 มิติ เป็นลูกโลก 3 มิติ


Google Maps นำเสนอการอัปเดตแผนที่ใหม่ เมื่อซูมออกจนสุด ก็จะไม่แสดงเป็นผิวเรียบอีกต่อไป แต่มีลักษณะกลมเป็นลูกโลก การเปลี่ยนแปลงจากแผนที่ 2 มิติ เป็นลูกโลก 3 มิติ ทำให้แผนที่แสดงผลพื้นที่บนโลกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

ทำไม Google Maps ถึงเปลี่ยนการแสดงผลจาก 2D เป็น 3D Globe Mode ?
 
การเปลี่ยนแปลงวันนี้ Google ได้อัปเดตแผนที่ให้ดูสะดวกกว่าแบบแบนราบ แสดงพื้นผิวของโลกได้ดีกว่าแบบเก่า แบบใหม่นี้เป็นทรงกลมมีขนาดเล็กทำให้เรามองโลกได้กว้างมากขึ้น เพียงแค่หมุนไปทางซ้ายหมุนหรือหมุนไปทางขวา นอกจากนี้แผนที่แบบเดิมที่เมื่อซูมออกจนสุดแผนที่ก็จะเห็นโลกของเราแบนราบไปกับจอ ยังมีปัญหาการแสดงขนาดพื้นที่บนโลกผิดเพี้ยน
ขนาดของกรีนแลนด์ไม่ได้ใหญ่กว่าทวีปแอฟริกา แต่แผนที่เดิมทำให้ดูใหญ่
แผนที่ 2 มิติแบบเดิมเรียกว่า Mercator ที่จะยืดพื้นที่บริเวณใกล้ขั้วโลกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อปูให้เต็มสี่เหลี่ยม รูปแบบนี้จะทำให้ง่ายต่อการพิมพ์ลงบนแผนที่และได้กลายเป็นแบบมาตรฐานส่วนใหญ่ แต่ก็ทำให้ความเข้าใจเรื่องพื้นที่ของคนผิดพลาดเช่นกัน อย่างขนาดของกรีนแลนด์และแอฟริกา บนแผนที่แบบ Mercator พื้นที่ Greenland มีขนาดใหญ่กว่าแอฟริกาทั้งที่ความเป็นจริงแล้วแอฟริกามีขนาดใหญ่กว่ากรีนแลนด์ถึง 14 เท่า

ภาพเส้นโครงแผนที่แบบเมอร์เคเตอร์

การอัปเดต 3D Globe Mode

การอัพเดทเป็น 3D Globe Mode เปิดจากโทรศัพท์อาจจะไม่เห็น ถ้าจะใช้ต้องเปิดจากเว็บเบราเซอร์บนคอมพิวเตอร์เท่านั้น และสามารถแสดงได้เกือบทุกเบราเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น Google Chrome, Microsoft Edge และ Firefox


จากการเปลี่ยนแปลงนี้มีให้ใช้งานบนเดสก์ท็อปเท่านั้น ถ้าใช้เปิดจากโทรศัพท์มือถือก็อาจจะยังเห็นภาพ 2D แบนๆ เมื่อซูมเข้าออก แต่ในไม่ช้านี้สมาร์ทโฟนก็อาจรองรับการดูแผนที่แบบ 3D ได้

ที่มา: Beartai

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Tesla เตรียมเพิ่มโหมดปาร์ตี้และตั้งแคมป์ สั่งเปิดแอร์และเพลงได้เมื่อใช้รถเพื่อนันทนาการ

ปัจจุบันมีเจ้าของรถ Tesla จำนวนหนึ่งขับรถท่องเที่ยวและนอนในรถเลยเพราะพบว่าหากพับเบาะหลังให้ราบลงจะสามารถนำฟูกไปปูนอนได้พอดี นอกจากนี้ยังนอนแบบเปิดแอร์ได้โดยไม่มีอันตรายเพราะรถมีโหมดตั้งแคมป์ (Camper mode)

อย่างไรก็ตามโหมดตั้งแคมป์ยังใช้งานได้ไม่ดีพอ เพราะไฟในรถยังติดอยู่ Tesla จึงต่อยอดฟีเจอร์ดังกล่าวและใช้ชื่อว่า Party & Camper Mode โดย Elon Musk ระบุในทวีตว่าระบบปรับอากาศในรถจะทำงาน พร้อมสั่งเปิดเพลงและเลือกเปิด-ปิดไฟในรถได้ตามชอบ รวมทั้งชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นๆ ได้นานถึง 48 ชั่วโมงหรือมากกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S, 3 และ X จะได้รับอัพเดตดังกล่าวเร็วๆ นี้


ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561

IEEE เผย 10 ภาษา Programming ยอดนิยมประจำปี 2018: Python ได้อันดับ 1

IEEE Spectrum ได้ออกมาเผยถึงผลการจัดอันดับ Programming Language สำหรับปี 2018 ซึ่งได้จัดอันดับภาษาเขียนโปรแกรมด้วยกันทั้งหมด 48 ภาษา ครอบคลุมการใช้งานทั้งสำหรับ Web, Mobile, Enterprise และ Embedded โดย 10 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมสูงสุดมีดังนี้


Python นั้นได้กลายเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีจุดที่น่าสังเกตคือ Python เองก็ถูกจัดหมวดหมู่ให้อยู่ในหมวดภาษาสำหรับ Embedded Computing ด้วยแล้ว ทำให้รูปแบบการใช้งานมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และยังสามารถก้าวเข้าสู่ตลาดของระบบ Hardware ที่เดิมทีเคยเป็นของ C, C++ และ Assembly เป็นหลักเท่านั้น รวมถึงศาสตร์ด้าน Data Science เองก็ยังมีการอ้างอิงถึง Python กันค่อนข้างมาก และเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงไม่น้อยทีเดียว

ทางด้านภาษาหลักๆ ที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ อย่าง C++, C, Java, C#, PHP, JavaScript นั้นก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกทั้งหมด ถือว่าไม่น่าแปลกใจนัก แต่ Assembly เองที่มีกรณีการใช้งานเฉพาะในส่วนของ Embedded System นั้นก็ยังคงสามารถรั้งตำแหน่งอันดับ 10 เอาไว้ได้ ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

ส่วนภาษา R นั้นความนิยมก็ลดลงจากอันดับ 5 เมื่อ 2 ปีก่อนมาสู่อันดับ 7 ในปีนี้ ก็เป็นเพราะการแข่งขันกับภาษา Python นั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ยังถือว่าเป็นภาษาที่มีอันดับสูงไม่น้อย เพราะกรณีการใช้งานของ R แทบทั้งหมดนั้นตกอยู่ในศาสตร์ทางด้าน Data Science นั่นเอง

ทางด้านภาษา Go เองนั้นก็ถือว่าได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว โดยหากสำรวจจากกราฟแบบ Trending แล้วก็จะพบว่าภาษา Go นั้นได้อยู่ถึงอันดับ 5 ทีเดียว และ Scala เองก็ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8

สำหรับผลการจัดอันดับทั้งหมด สามารถดู Interactive Visualization ฉบับเต็มได้ที่ https://spectrum.ieee.org/static/interactive-the-top-programming-languages-2018 ครับ ซึ่งในลิงค์นี้จะสามารถเลือกคัดกรองการจัดอันดับข้อมูลได้ตามต้องการ ดังนั้นก็จะทำให้เห็นแนวโน้มในหลากหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้นครับ ส่วนวิธีการสำรวจข้อมูลในครั้งนี้สามารถตรวจสอบได้ที่ https://spectrum.ieee.org/static/ieee-top-programming-languages-2018-methods ครับ ซึ่งหลักๆ ก็คือการนำรายการของภาษาต่างๆ กว่า 300 ภาษามาทำการค้นหาใน Google Search, Googl Trends, Twitter, GitHub, Stack Overflow, Reddit, Hacker News, CareerBuilder, Dice และ IEEE Xplore Digital Library แล้วนำข้อมูลมาสรุปนั่นเองครับ

ที่มา: TechTalk

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Google เปิดตัว Titan Security Key พร้อมรองรับการใช้งานกับ Google Cloud

ในงาน Google Cloud Next ’18 ทาง Google ได้ประกาศเปิดตัว Titan Security Key ซึ่งเป็น Hardware-based security keys สำหรับผู้ใช้งาน Google Cloud โดยเฉพาะ


Titan Security Key จะเข้ามาช่วยเสริมความปลอดภัยในขั้นตอนการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานระบบ Google Cloud โดยเฉพาะ ซึ่งจะทำงานในลักษณะ Two-factor authentication เมื่อผู้ใช้งานทำการ Login ด้วย Username และ Password แล้ว จำเป็นต้องเชื่อมต่อ USB Security Key เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนด้วยฮาร์ดแวร์อีกชั้นหนึ่ง โดย Titan Security Key ทำงานตามมาตรฐาน FIDO (Fast IDentity Online) Alliance และ U2F (Universal 2nd factor) protocol ทำให้สามารถนำไปใช้งานกับระบบอื่นๆ ที่รองรับมาตรฐาน U2F Security Keys ได้ เช่น Google, Dropbox, Facebook และ Github ซึ่งปัจจุบัน Google ได้ประกาศรองรับการใช้งานบน Google Cloud แล้ว

Titan Security Key เปิดตัวออกมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่น USB และรุ่น Bluetooth ที่รองรับการใช้งานกับ Mobile Device อย่างไรก็ตาม Google ไม่ได้ประกาศราคาออกมาแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ราวๆ $20 ถึง $30 โดย Google เตรียมจะวางจำหน่ายใน Google Store เร็วๆ นี้

ที่มา: TechTalk

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Apple TH เปิดให้สั่งซื้อ Macbook Pro 2018 รุ่นใหม่ล่าสุด ผ่านเว็บไซต์ได้แล้ว

หลังเปิดตัว (อย่างเงียบๆ) ไปไม่นาน ล่าสุดทาง Apple TH ก็เปิดให้ทุกคน สามารถเข้าไปสั่งซื้อ Macbook Pro 2018 ตัวใหม่ ที่มาพร้อม Touch Bar และ Touch ID ได้แล้วใน www.apple.com


Apple TH เปิดขาย MacBook Pro 2018 ผ่านเว็บ www.apple.com/th‎ ในไทยแล้ว พร้อมเผยราคาหลังอัพเกรดเป็น Intel Core i9 ที่มีใน MacBook Pro 2018 รุ่นจอ 15 นิ้วด้วย (งบทะลุไปขนาดไหนมาดูกัน..)

สำหรับ MacBook Pro รุ่นใหม่นี้ ก็ชูโรงด้วย Intel Gen 8 พร้อมสเปกให้เลือกสูงสุดถึง Intel Core i9 แรมสูงสุด 32GB การ์ดจอใหม่ Intel Iris Plus Graphics 655 กับ Radeon Pro 555X และ 560X เพิ่มชิป Apple T2 เพิ่มหน้าจอ TrueTone และคีย์บอร์ด Butterfly รุ่นที่ 3 ตัวใหม่ล่าสุด

ส่วนราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 65,900 บาท โดยเป็นรุ่นจอ 13 นิ้วที่มาพร้อม Touch Bar และ Touch ID เป็นต้นไป และรุ่นจอ 15 นิ้วก็มีราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 85,900 บาท ดูรายละเอียดได้ที่ www.apple.com/th


ที่มา: ARiP

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สหราชอาณาจักรเตรียมผลักดันกฎหมายบ้านสร้างใหม่ต้องมีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกหลัง

รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดเผยร่างกฎหมายในวันนี้ รายละเอียดเป็นเรื่องการกำหนดให้บ้านพักอาศัยที่ปลูกสร้างใหม่จะต้องมีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในบ้านด้วย

ร่างดังกล่าวยังครอบคลุมถึงอาคารของผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ และเสาไฟฟ้าสาธารณะที่จะต้องเตรียมที่ชาร์จไฟให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วย

ร่างกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการกำจัดรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้หมดไปจากประเทศภายในปี 2040 อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลดการปล่อยก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ที่สหราชอาณาจักรตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะลดลงให้ได้ 80% ภายในปี 2050 โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นเทียบกับปริมาณการปล่อยก๊าซในปี 1990

ประเมินกันว่าหากร่างกฎหมายนี้ผ่านการเห็นชอบและประกาศใช้จริง มันจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์ชาร์จไฟให้รถยนต์ไฟฟ้าได้มากถึง 400 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Xiaomi ไอเดียเก๋เปิดตัวเครื่องซักผ้าติดผนังทรงหยดน้ำประหยัดพื้นที่สุดๆ


Xiaomi เปิดตัว MiniJ เครื่องซักผ้าติดผนังทรงหยดน้ำเอาใจคนเมืองที่มีบ้านหรือคอนโดพื้นที่ใช้สอยจำกัด โดยออกแบบมาให้ดูดีเสมือนเป็นของแต่งบ้านชิ้นหนึ่งด้วย

สำหรับ MiniJ นั้นจะใช้เทคโนโลยีแบบ Direct Drive สามารถเลือกโหมดการซักได้ถึง 8 โหมดขึ้นอยู่กับชนิดของเสื้อผ้าที่จะซัก รวมทั้งมีฟังก์ชันที่จะเพิ่มอุณหภูมิน้ำไปถึง 95% ในการขจัดแบคทีเรียหรือคราบสกปรกต่างๆ ได้ 99% ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเลือกซักได้ตามโหมดต่างๆ ได้ง่ายดาย ประหยัดพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ตัวเครื่องซักจะทำงานด้วยระดับเสียงเพียง 45 เดซิเบล

MiniJ เริ่มวางจำหน่ายแล้วเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ในสนนราคา 2,499 หยวน หรือประมาณ 12,500 บาท


ที่มา: Beartai

Tesla เพิ่มความสามารถจอดรถได้เองโดยไร้คนขับในรถยนต์รุ่น Model 3 แล้ว


Tesla บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง ออกมาประกาศว่า Summon ซึ่งเป็นความสามารถในการควบคุมการจอดรถโดยอัตโนมัติของ Tesla พร้อมใช้งานได้แล้วในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 โดยโพสต์คลิปวิดีโอสาธิตสั้นๆ ลงบนทวิตเตอร์ของบริษัท


Summon จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สามารถนำตัวเองเข้าไปจอดหรือขับออกโรงจอดรถได้ด้วยตัวเอง (ควบคุมประตูโรงจอดรถได้ด้วย) โดยที่ไม่ต้องมีคนขับคอยควบคุมรถ ซึ่งก่อนหน้านี้ Summon จะมีแค่ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model S และ Model X

Tesla ยังได้บรรลุเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 มากกว่า 5,000 คันต่อสัปดาห์ โดยล่าสุดทาง Tesla ออกมาประกาศว่าสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 ได้ถึง 5,331 คันต่อสัปดาห์แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มสายการผลิตใหม่ หลังจากมีปัญหาความล่าช้าในการผลิตรถรุ่นดังกล่าวหลายครั้ง

ที่มา: Beartai

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Baidu เตรียมเปิดให้ใช้รถบัสไร้คนขับในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2019


Bloomberg รายงานว่า รถบัสไร้คนขับของ Baidu อาจเริ่มวิ่งบนท้องถนนของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นปี 2019

Baidu ได้ประกาศภายในการประชุมนักพัฒนาประจำปีว่า ได้เริ่มการผลิตรถบัสดังกล่าวแล้ว โดยร่วมกับ SB Drive บริษัทย่อยของ Softbank ที่พัฒนาด้านรถยนต์ไร้คนขับ

ทาง Engadget ได้รายงานว่าจะผลิตรถบัสจำนวน 10 คัน สำหรับเมืองที่ได้รับเลือกในประเทศญี่ปุ่น


Baidu กำลังพัฒนารถบัสไร้คนขับร่วมกับ King Long บริษัทผลิตรถบัสของประเทศจีน โดยจะมีชื่อว่า Apolong ซึ่งได้ผลิตแล้วถึง 100 คัน และทาง BBC ได้รายงานเพิ่มเติมว่าสามารถรองรับที่นั่งผู้โดยสารได้ 14 ที่นั่ง แต่ไม่มีที่นั่งคนขับและไม่มีพวงมาลัย

รถบัส Apolong จะมีประสิทธิบภาพในการขับขี่ไร้คนขับระดับ 4 ซึ่งจาก  NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration : องค์กรบริหารความปลอดภัยบนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา) ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องมีคนขับภายในพื้นที่ภูมิศาสตร์จำเพาะเจาะจง


ไม่เพียงแค่นั้น Baidu ยังได้ประกาศเกี่ยวกับการอัปเดตแพลตฟอร์มขับขี่ไร้คนขับที่เรียกว่า Apollo ซึ่งได้มีการเพิ่มเติมการตรวจจับใบหน้าคนขับ และแผนที่จะใช้ซอฟต์แวร์การมองผ่านกล้องและคอมพิวเตอร์ของ Mobileye บริษัทย่อยของ Intel อีกด้วย

ที่มา: Beartai

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Asimo is Dead, Honda ประกาศเลิกผลิต Asimo จะนำเทคโนโลยีไปต่อยอดด้านอื่น

Asimo หุ่นยนต์สองขาตัวแรกของโลกจาก Honda กำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นประกาศหยุดการผลิตหุ่นยนต์ Asimo และระบุว่าจะนำเทคโนโลยีของ Asimo ไปต่อยอดและพัฒนาสำหรับการใช้งานจริงมากขึ้น

Asimo ย่อมาจาก Advanced Step in Innovative Mobility ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1980 ก่อนจะเปิดตัวครั้งแรกในปี 2000 และด้วยความสามารถของหุ่นยนต์ที่ถือว่าค่อนข้างว้าวในยุคนั้น ทำให้ Asimo ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักได้ไม่ยาก รวมถึงถูกนำไปโชว์ความสามารถ ไปทำกิจกรรมและพบปะผู้มีชื่อเสียงมากมาย


ถึงแม้จะไม่มี Asimo แต่ทาง Honda ก็ยังคงพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความสามารถด้านต่างๆ ต่อไป อย่างล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในงาน CES 2018 ที่ผ่านมาก็มีคอนเซ็ปหุ่นยนต์ใหม่ๆ อย่าง Uni-Cub เก้าอี้ไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ได้ด้วยการโน้มตัวของคนนั่งและ Walking Assist อุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการเดิน ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีบน Asimo

ที่มา: Blognone