วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

อดีตหัวหน้าทีม Mac บอก “อีกไม่นานคอมพิวเตอร์ Windows จะใช้ชิป ARM หมด และชิป x86 จะเป็นของตกยุค”

คุณโจน หลุยส์ แกส์สิส (Jean-Louis Gassée) อดีตหัวหน้าทีมพัฒนาเครื่อง Mac ของ Apple ได้ออกมาให้ความเห็นว่า หลังจาก Apple เองได้เริ่มพัฒนาชิป Apple Silicon ด้วยสถาปัตยกรรม ARM เพื่อที่จะนำมาใช้เป็นชิปประมวลผลหลักสำหรับเครื่อง Mac แทนสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอีกไม่นานเหล่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Windows ทั้งแบบ Desktop และ Laptop ก็จะหันมาสนใจชิปแบบ ARM เป็นพิเศษ และหันมาทำแบบเดียวกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ Apple อยากจะให้ผู้ใช้งานได้ใช้


คุณแกส์สิส ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “พวกคุณคงจะเห็นผลคะแนนทดสอบในโปรแกรม Benchmark ของเครื่อง Mac mini ที่ใช้ชิป Apple A12Z Bionic แล้วใช่ไหมหละ ถึงแม้ Apple เองจะไม่เคยบอกรายละเอียดค่า TDP ว่าชิปมันกินไฟมากเท่าไหร่ ก็เถอะ แต่ถ้าดูจากเครื่อง iPad Pro ที่ใช้อะแดปเตอร์ขนาด 18W แล้ว ก็พอจะทำให้ทราบว่า เจ้าชิป A12Z นี้มันกินไฟน้อยมากขนาดไหน เทียบกับประสิทธิภาพที่มันทำได้”


“และทางผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เป็นหลักอย่าง Dell, HP และ Asus ก็ต้องออกมาต่อสู้กับคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ที่ใช้ชิป ARM ของ Apple พวกเค้าต้องทำได้ดีกว่าสิ่งที่ Apple ทำ ทั้งในคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท็อป และแลปท็อป ส่วน Microsoft ก็ต้องหันไปพัฒนาคอมพิวเตอร์แบบ Microsoft Surface ให้ดีมากยิ่งขึ้นต่อไป ส่วนผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ต้องตามน้ำ Apple ไป และหันมาพัฒนาชิปแบบ ARM กันหมด เพื่อนำมาแข่งกับ Apple โดยสิ่งที่ Apple และ Microsoft ทำอยู่นี้ จะทำให้พวกเรารู้สึกว่าชิปแบบ x86 มันตกยุคไปแล้วเลยหละ”


สิ่งที่คุณแกส์สิสพูดก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ในอนาคตคอมพิวเตอร์น่าจะหันมาใช้ชิปแบบ ARM กันหมด ในเมื่อประสิทธิภาพของชิปแบบ ARM เริ่มสามารถตีตื้นชิปแบบ x86 ได้ในปัจจุบัน แต่มีประสิทธิภาพในการกินไฟที่น้อยกว่า และเรื่องการจัดการความร้อนที่ดีกว่า

ที่มา: Beartai

ตู้ขายของอัตโนมัติในญี่ปุ่น เตรียมให้จ่ายเงินผ่านระบบสแกนใบหน้าได้แล้ว

อีกเรื่องหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อ น่าจะเป็นด้านความล้ำ และหลากหลายของตู้ขายของอัตโนมัติ เช่นตู้ของบริษัทเครื่องดื่ม DyDo ที่ก่อนหน้านี้ มีลำโพงที่จะพูดขอบคุณหลังซื้อของเป็นสำเนียงท้องถิ่น มีเสียงพูดให้กำลังใจ แถมให้ยืมร่มฟรีในวันที่ฝนตกได้ด้วย และตอนนี้ DyDo ก็จับมือกับ NEC บริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมนำเทคโนโลยี facial recognition มาใช้ในการชำระเงินแล้ว

DyDo เตรียมใช้ระบบ Bio-IDiom ของ NEC โดยผู้ใช้จะต้องสมัครบัญชีผ่านมือถือ และยืนยันตัวตนด้วยรูปถ่ายและบัตรเครดิต พร้อมกับตั้งรหัสยืนยัน 4 หลัก หลังจากนั้นเมื่อซื้อของ ระบบจะใช้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า และให้ใส่รหัสยืนยันที่ตั้งไว้ เพื่อหักเงินจากบัตรผ่านบัญชีที่ผู้ใช้สมัครไว้ในขั้นตอนแรก


ปัจจุบันเครื่องรุ่นนี้เริ่มมีการทดสอบใช้งานแล้วที่ออฟฟิศและโรงงานของ DyDo และ NEC บางแห่ง และจะอยู่ในช่วงทดสอบเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนจะขยายการใช้งานออกไป หากระบบใช้งานได้โดยไม่มีปัญหา

ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563

Bootstrap ออกเวอร์ชัน 5.0 Alpha เลิกใช้ jQuery แล้ว เปลี่ยนมาใช้ JavaScript ธรรมดา

Bootstrap เฟรมเวิร์คสำหรับเขียนเว็บชื่อดัง ประกาศออกเวอร์ชัน 5.0 Alpha 1 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเลิกใช้เฟรมเวิร์ค jQuery ที่ใช้มายาวนาน เปลี่ยนมาใช้โค้ด JavaScript ปกติแทน ด้วยเหตุผลว่าฟีเจอร์ของ JavaScript และเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ๆ สามารถทดแทน jQuery ได้แล้ว

ผลของการเลิกใช้ JQuery ช่วยให้ขนาดไฟล์เว็บที่สร้างด้วย Bootstrap เล็กลง และเว็บเพจโหลดได้เร็วขึ้น ทีมงาน Bootstrap บอกว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขการแสดงผลอีกหลายจุดหลังถอด jQuery ออกไป ซึ่งก็จะค่อยๆ แก้ไขในรุ่นทดสอบถัดๆ ไป

Bootstrap 5 ยังเลิกซัพพอร์ต Internet Explorer แล้ว ทำให้เรียกใช้ฟีเจอร์เว็บใหม่ๆ ได้ เช่น CSS custom properties


ที่มา: Blognone

กูเกิลเสนอตัวไมโครซอฟท์ ใช้ Flutter เชื่อมการพัฒนาแอพระหว่าง Android และ Windows

ความนิยมในโครงการ Flutter ทำให้มันขยายจากการเขียน UI ของแอพมือถือไปสู่การเขียนเว็บ และแอพเดสก์ท็อป โดยเริ่มจาก macOS เป็นแพลตฟอร์มแรก ส่วน Windows/Linux จะตามมาในลำดับถัดไป

ล่าสุด Flutter ออกมาอธิบายความคืบหน้าของเวอร์ชัน Windows โดยบอกว่าปัจจุบัน Windows มีโมเดลการพัฒนาแอพ 2 แบบ ได้แก่ Win32 ที่มีจุดเด่นเรื่องการใช้ได้บน Windows เวอร์ชันเก่าด้วย และ UWP ที่รันได้เฉพาะบน Windows 10 ขึ้นไป แต่ก็ขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Xbox หรือ Windows 10X ได้ง่าย

ทีมงาน Flutter บอกว่ากำลังทดลองความเป็นไปได้ในแบบต่างๆ และประกาศว่ายินดีทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์ในเรื่องนี้ เพราะมองว่าไมโครซอฟท์กำลังพยายามเชื่อมต่อ Android กับ Windows ผ่านอุปกรณ์สองจอ (Surface Duo/Neo) และ Flutter เป็นโซลูชันที่เหมาะสมมากในการพัฒนาแอพครั้งเดียว ใช้งานได้ข้ามแพลตฟอร์ม


หน้าตาของแอพ Win32 ที่เขียนด้วย Flutter


ที่มา: Blognone

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563

NGINX เปิดตัวเวอร์ชั่นรองรับ HTTP/3 ยังอยู่ในขั้นการทดลองเท่านั้น

NGINX ประกาศเตรียมการรองรับมาตรฐาน HTTP/3 โดยตอนนี้ยังแยก repository ของโค้ดออกเป็นโครงการเฉพาะ โดยรองรับร่างมาตรฐาน IETF-QUIC ร่างที่ 27

การใช้ NGINX เวอร์ชั่นรองรับ HTTP/3 จะทำให้ตัวเซิร์ฟเวอร์รองรับการคอนฟิก listen 443 http3 reuseport; เพื่อให้ NGINX เปิดพอร์ต UDP สำหรับ HTTP/3 แยกออกมา และต้องประกาศ HTTP header ในฟิลด์ Alt-Svc เพิ่มเติมเพื่อประกาศว่าเซิร์ฟเวอร์นี้รองรับ HTTP/3 โดยเบราว์เซอร์ที่รองรับแล้วได้แก่ Firefox เวอร์ชั่น 75 ขึ้นไป และ Chrome เวอร์ชั่น 83 ขึ้นไป

HTTP/3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บเพิ่มขึ้นได้มาก จากการรองรับการเชื่อมต่อที่ไม่เสียเวลาส่งข้อมูลกลับไปมาเพื่อเปิดการเชื่อมต่อแบบเดิมๆ ทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถส่งข้อมูลได้ทันทีหลังจากไคลเอนต์ร้องขอ แต่มาตรฐานยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแม้จะมีเบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์รองรับเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม


ที่มา: Blognone

Amazon ประกาศระงับไม่ให้ตำรวจใช้งานเทคโนโลยี Facial Recognition 1 ปี

เทคโนโลยี Facial Recognition ในการใช้งานจริงในสหรัฐมีปัญหามายาวนาน หนึ่งในนั้นมีความเกี่ยวข้องกับสีผิว ก่อนที่ประเด็นนี้จะร้อนแรงขึ้นจากการประท้วงทั่วประเทศกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd ทำให้บริษัทอย่าง IBM ประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ไปเลย

ล่าสุด Amazon ที่เป็นผู้ป้อนเทคโนโลยี Facial Recognition ให้กับตำรวจในสหรัฐ ประกาศระงับการให้บริการ Amazon Rekognition กับตำรวจเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่ได้ให้เหตุผลโดยตรง แต่ระบุเพียงแค่ว่าได้เรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎควบคุมการใช้งานในเชิงศีลธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี Facial Recognition ซึ่งก็หวังว่าในระยะเวลา 1 ปีนี้ สภาคองเกรสที่รับเรื่องพิจารณาไปแล้ว จะสามารถออกมาตรการหรือกฎควบคุมได้ทัน

อย่างไรก็ตาม Amazon ระบุว่ายังให้บริการ Amazon Rekognition กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Thorn ที่ช่วยเหลือและป้องกันการค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก และ Marinus Analytics องค์กรพัฒนา AI เพื่อใช้งานในกรณีอย่างการค้ามนุษย์
ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Wing ของ Alphabet เผยธุรกิจโดรนส่งของกำลังมาแรงและได้รับความสนใจทั่วโลก

Wing ธุรกิจโดรนขนส่งภายใต้ Alphabet นอกจากทดลองให้บริการในรัฐเวอร์นิเจียแล้ว ยังมีไปให้บริการที่ออสเตรเลียและฟินแลนด์ด้วย และก็ด้วยผลจาก COVID-19 บริการขนส่งโดรนของ Wing กำลังไปได้สวยไม่ใช่แค่ในสหรัฐ

หนึ่งในผู้บริหารของ Wing ออสเตรเลียเปิดเผยว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา จำนวนยอดการขนส่งของ Wing ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน ขณะที่จำนวนลูกค้าทั่วโลกที่ลงชื่อสนใจจะใช้บริการของ Wing ก็เพิ่มขึ้นถึง 350% แบบเดือนต่อเดือน โดยข้อดีของ Wing ไม่ใช่แค่เรื่องการขนส่งไม่ใช้คน แต่ยังค่อนข้างเร็วด้วย โดยความเร็วที่ Wing เคยส่งพัสดุได้เร็วที่สุดคือราว 2 นาที 47 วินาที


ที่มา: Blognone

เรียกร้องกันมานาน Excel เพิ่มฟีเจอร์ Import from PDF ให้แล้ว

ปัญหาที่พบบ่อยในโลกของเอกสารคือ ได้ตารางข้อมูลมาเป็นไฟล์ PDF ที่นำไปแก้ไขต่อได้ยาก ไมโครซอฟท์รับฟังปัญหานี้ และเพิ่มฟีเจอร์ Import from PDF เข้ามาใน Excel แล้ว

ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในปุ่ม Get Data > From File ที่เดิมทีสามารถนำเข้าข้อมูลจาก Excel, CSV, XML, JSON และล่าสุดเพิ่มไฟล์ PDF เข้ามา

ตอนนี้ผู้ที่ใช้ได้ยังต้องเป็นผู้ทดสอบ Office Insider เท่านั้น คาดว่าไมโครซอฟท์จะอัพเดตให้ผู้ใช้ทั่วไปในเดือนมิถุนายนนี้ (เลขเวอร์ชันเป็น Excel v2006)

ฟีเจอร์อื่นที่เพิ่มมาใน Office v2006 คือ แสดงภาพ GIF เป็นแอนิเมชันแล้ว (เลือกปิดได้) จากเดิมที่แสดงเป็นภาพนิ่งอย่างเดียว, PowerPoint รองรับ Surface Earbuds และหน้าจอเซฟไฟล์ของ Office สามารถปักหมุดโฟลเดอร์ที่ใช้บ่อยๆ ได้แล้ว


ที่มา: Blognone

Linus Torvalds ซื้อคอมใหม่ เลือกใช้ AMD Threadripper แทนซีพียูอินเทล

Linus Torvalds เล่าในอีเมลกลุ่มนักพัฒนาเคอร์เนลลินุกซ์ ว่าเขาเพิ่งซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ โดยเลือกซีพียูเป็น AMD Threadripper 3970X และเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่เขาไม่ได้ใช้ซีพียูอินเทล

Linus ยังเล่าว่าเครื่องใหม่ของเขาทำให้การคอมไพล์เคอร์เนลทดสอบเร็วขึ้นถึง 3 เท่าจากเดิม (ไม่ได้บอกว่าเครื่องเดิมใช้ซีพียูรุ่นใด)


Threadripper 3970X เป็นซีพียูรุ่นรองท็อปของ AMD ในปัจจุบัน มีจำนวน 32 คอร์ 64 เธร็ด เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ส่วนรุ่นท็อปสุดตอนนี้คือ Threadripper 3990X ที่เป็น 64 คอร์ 128 เธร็ด เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2020

ที่มา: Blognone

ร้านกาแฟในเกาหลีใต้ใช้หุ่นยนต์บาริสต้าให้บริการช่วง COVID-19 อย่างรวดเร็วและปลอดภัย


หลังจากที่เกาหลีใต้มีการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 11,000 คนและเสียชีวิต 267 คน รัฐบาลเริ่มขันน็อตปรับใช้กฏที่เข้มข้นขึ้นโดยการรักษาระยะห่างในชีวิตประจำวัน

ร้านกาแฟใน Daejeon ของเกาหลีใต้ได้ใช้หุ่นยนต์บาริสต้าตัวใหม่ให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถชงและเสิร์ฟเครื่องดื่มไปยังลูกค้าได้โดยตรงพร้อมด้วยปลอดภัยต่อสุขอนามัยในช่วง COVID-19 ที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และหุ่นยนต์ยังบริการอย่างสุภาพโดยเมื่อลูกค้ายื่นมือมารับเครื่องดื่มที่เสิร์ฟอยู่บนถาดก็กล่าวว่า “นี่คือ Rooibos almonds tea latte ของคุณ เชิญดื่ม มันจะดียิ่งขึ้นถ้าคุณคนมัน”

ระบบบริการด้วยหุ่นยนต์ไม่ต้องมีการป้อนข้อมูลสั่งเครื่องดื่มจากลูกค้า และโต๊ะจะถูกจัดเรียงเว้นระยะห่างให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ไปเสิร์ฟได้อย่างราบรื่น ซึ่งสอดคล้องกับการรณรงค์ในปัจจุบันที่ไม่ต้องพบปะติดต่อกันและการรักษาระยะห่าง โดยหุ่นยนต์สามารถสื่อสารและรับส่งข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ และมีเทคโนโลยีขับขี่ด้วยตนเองในการคำนวณเส้นทางรอบร้านกาแฟได้เป็นอย่างดี สันนิษฐานว่าอาจจะให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือสั่งเครื่องดื่มอยู่ที่โต๊ะ และหุ่นยนต์จะชงแล้วไปเสิร์ฟถึงที่เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัส


หุ่นยนต์จะใช้แขนในการทำกาแฟและเสิร์ฟ รวมทั้งสามารถทำกาแฟที่แตกต่างกันได้ถึง 60 ประเภท และเคลื่อนที่ไปเสิร์ฟลูกค้าจนถึงที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีคีออสก์ หรือตู้ทำเครื่องดื่มได้ 6 รายการในเวลาเพียง 7 นาที และร้านกาแฟทั้ง 2 ชั้นใช้ปาตีซีเยหรือคนทำขนมที่คอยดูแลแค่คนเดียว รวมทั้งรับหน้าที่ทำความสะอาดและเติมส่วนผสมในระบบ

ผู้ผลิตและสถาบันวิทยาศาสตร์มีเป้าหมายว่า จะจัดหาหุ่นยนต์ให้กับร้านค้าได้อย่างน้อย 30 ร้านในปีนี้ และมีนักศึกษาคนหนึ่งในเกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า “หุ่นยนต์เป็นเรื่องสนุกและเป็นเรื่องง่าย เพราะคุณไม่ต้องรับออร์เดอร์ แต่ก็กังวลเกี่ยวกับตลาดงาน เนื่องจากเพื่อนๆ ที่กำลังทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านกาแฟ จะถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนหรือแย่งงาน”

ที่มา: Beartai