วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

ชาว Apple Watch ในไทยเฮ!! เตรียมใช้ฟีเจอร์ ECG ได้แล้วใน watchOS 7.3

วันนี้ Apple ได้ประกาศได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทยแล้ว โดยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท Class I พร้อมปล่อยอัปเดต watchOS 7.3 รุ่น Release Candidate แล้ว แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งอื่นๆ กลายเป็นที่ฮือฮาสำหรับชาว Apple Watch ในประเทศไทย ที่จะสามารถใช้ฟีเจอร์ ECG หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่มีมานานตั้งแต่ Apple Watch Series 4 ได้แล้ว


ใน watchOS 7.3 ที่เตรียมปล่อยอัปเดตนี้ ผู้ใช้ชาวไทยจะสามารถใช้ฟีเจอร์ ECG ที่ทุกคนต่างรอคอยบน Apple Watch Series 4 ขึ้นไป (ยกเว้น Apple Watch SE) และการแจ้งเตือนหากหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) โดยครั้งนี้ประเทศไทยก็อยู่ในลิสต์สำหรับ 2 ฟีเจอร์นี้ด้วย ฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ ต่างให้ข้อมูลสำคัญให้กับแพทย์ได้

โดยในเวอร์ชันนี้เป็นเพียงเวอร์ชัน Release Candidate สำหรับนักพัฒนาก่อนการอัปเดตเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราจะได้อัปเดตกันในไม่ช้านี้แล้ว


ที่มา: Beartai

ญี่ปุ่นเจ๋ง! พัฒนาระบบ AI จดจำใบหน้าแม้จะสวมใส่หน้ากากอนามัย

ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 นี้เป็นที่แน่นอนว่าทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่กำลังระบาด แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือในขณะที่สวมใส่หน้ากากอนามัยนั้น เราจะไม่สามารถทราบได้ว่าใครเป็นใคร ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมได้ หรือหากต้องถอดหน้ากากอนามัยเพื่อยืนยันตัวตนก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท NEC จากประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า NeoFace Live Facial Recognition ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่ทำให้สามารถยืนยันตัวตนได้แม้ว่าจะใส่หน้ากากอนามัยก็ตาม โดยระบบการทำงานของเจ้าตัวอัลกอริทึมนี้จะสแกนในส่วนของใบหน้าที่ไม่ได้ถูกปกปิด และจากการคิดค้นพัฒนาจนได้ระบบที่มีประสิทธิภาพนั้นจึงทำให้การยืนยันตัวตนของ NeoFace Live Facial Recognition ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งวินาที โดยมีอัตราความแม่นยำมากกว่า 99.99% เลยทีเดียว


โดยตำรวจนครบาลของญี่ปุ่นได้เป็นกลุ่มผู้ทดลองใช้ระบบของ NEC เพื่อการเปรียบเทียบใบหน้าในฝูงชน นอกจากนี้สายการบินลุฟต์ฮันซา (lufthansa) และสวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (Swiss International Air Lines) ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าของ NEC ด้วย และ NEC ยังได้ทดลองใช้ระบบสำหรับการชำระเงินอัตโนมัติที่ร้านค้าในสำนักงานใหญ่ในโตเกียวอีกด้วย


Shinya Takashima ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกแพลตฟอร์มดิจิทัลของ NEC ได้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ระบบดังกล่าวจะทำให้ผู้คนสามารถเลี่ยงการสัมผัสกับพื้นผิวต่างๆ ได้ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้คนได้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนเกิดข้อกังวลว่า ระบบดังกล่าวจะเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่ โดยมีข้อพิพาทในกรณีที่กองกำลังตำรวจชาวเวลล์นำไปใช้ในทางมิชอบด้วยกฏหมาย ซึ่งคดีดังกล่าวถูกนำทีมโดยนักรณรงค์เพื่อสิทธิพลเมือง นอกจากนี้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ IBM ได้ถูกระงับการใช้ระบบจดจำใบหน้าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาทางด้านกฏหมายอีกทีหนึ่ง

ที่มา: Beartai

เปิดตัว Raspberry Pi Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว ราคา 150 บาท

Raspberry Pi เปิดตัว Pico บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ขนาดจิ๋ว รันด้วยชิป RP2040 ซีพียูดูอัลคอร์ Cortex M0+ คล็อกสูงสุด 133MHz แรมแบบ static ขนาด 264KB ชิปแฟลชแบบ QSPI 2MB มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ 12-bit ติดตั้งมาให้ในตัว พอร์ท micro USB-B, GPIO 26 ขา, UART 2 ขา, SPI 2 ขา I²C 2 ขา และ PWM pin อีก 16 ขา (ต่อพินแยกเอง)

Raspberry Pi Pico รองรับไฟสูงสุด 1.8-5.5v ราคา 4 เหรียญ ส่วน Cytron นำเข้ามาขายที่ 150 บาท

ที่มา: Blognone

Microsoft Teams เตรียมเพิ่ม Meeting Recap สรุปการประชุมให้พร้อมไฟล์เสียง, ทรานสคริปต์

ในงาน Microsoft Ignite ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวฟีเจอร์สรุปการประชุมบน Microsoft Teams ล่าสุด ทาง Microsoft เผยว่าจะเพิ่มฟีเจอร์ Meeting Recap ภายในปลายเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

Meeting Recap คือการจัดเก็บไฟล์ประชุม, แชท, พรีเซนเทชั่นและไฟล์ที่แชร์กันระหว่างประชุมมาให้หลังจบการประชุม สามารถเข้าถึงได้ผ่านแท็บ Chat เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่หน้าจอประชุมตลอดเวลา หรือสมาธิหลุดไประหว่างเรียนออนไลน์


นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่ม History Menu เข้ามาด้วย เพื่อย้อนดูกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้งานทำบน Microsoft Teams เพื่อที่ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกด back บ่อยๆ ซึ่งจะเปิดใช้งานภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้เช่นกัน

ที่มา: Blognone

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2564

อินเทลเปิดตัว RealSense ID ชุดกล้องสแกนหน้า ประมวลผลใบหน้าได้ในตัว

อินเทลเปิดปี 2021 ด้วยกล้องวัดระยะลึกแบรนด์ RealSense ที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2014 รุ่นใหม่คือ RealSense ID Facial Authentication กล้องวัดระยะลึกพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าในตัว (มี SoC ในตัว, ไม่ต้องเชื่อมต่อเครือข่าย) เหมาะกับการนำไปติดตั้งที่ประตู, จุดขายสินค้า (POS), ตู้ ATM หรือตู้ kiosk ชนิดอื่นๆ

กล้อง RealSense มีอัตราแม่นยำ 99.76%, สตอเรจเข้ารหัสข้อมูลใบหน้า แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ F455 ที่เป็นกล่องสำเร็จรูปมาให้พร้อม ตัวละ 99 ดอลลาร์ และรุ่น F450 เป็นบอร์ดสำเร็จรูปเพื่อนำไปใช้เชื่อมกับโมดูลอื่น ตัวละ 75 ดอลลาร์


ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Kubernetes 1.20 จะเริ่มปรับสถานะ Docker เป็น deprecated เพื่อเตรียมถอดออกในอนาคต

Kubernetes ประกาศให้การซัพพอร์ต Docker เป็นคอนเทนเนอร์รันไทม์เข้าสู่สถานะ deprecated อย่างเป็นทางการใน Kubernetes 1.20 และเตรียมถอดฟีเจอร์นี้ออกในอนาคต

โครงการ Kubernetes ระบุว่า ตัว kubelet ที่เป็นตัวติดต่อกับคอนเทนเนอร์รันไทม์ จะติดต่อผ่าน CRI (Container Runtime Interface) แต่ในกรณีของ Docker นั้น ทางโครงการเลือกใช้ dockershim โมดูลที่อิมพลีเมนต์ CRI ให้ Docker เพื่อเป็นตัวติดต่อระหว่าง Docker และ Kubernetes มาอย่างยาวนาน แต่ช่วงหลังโครงการพบประเด็นหลายอย่างกับ dockershim ทำให้ตัดสินใจว่าจะให้ระบบซัพพอร์ต Docker เข้าสู่สถานะ deprecated และเตรียมถอดออกจาก Kubernetes ในอนาคต

นอกจากนี้ architecture ของ dockershim ค่อนข้างแตกต่างกับ CRI ตัวอื่น คือ dockershim จะติดกับตัว kubelet ในขณะที่ CRI อื่นๆ จะใช้วิธีรันโปรเซสแยกแล้วติดต่อกันผ่าน GRPC

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Docker อยู่ ทางโครงการ Kubernetes แนะนำว่าให้ย้ายคอนเทนเนอร์รันไทม์ไปใช้ตัวที่รองรับ CRI เต็มรูปแบบ อย่างเช่น containerd หรือ CRI-O เป็นต้น

ที่มา: Blognone

ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft Teams: ปรับ UI โทรศัพท์ใหม่, รองรับการใช้งานกับ CarPlay, โหมดประหยัดข้อมูล

Microsoft Teams ออกอัพเดตเกี่ยวกับระบบโทรศัพท์ล่าสุด โดยปรับให้ระบบโทรศัพท์ของ Teams ใช้งานได้ง่ายและมีประโยชน์มากขึ้นหลายอย่าง

ฟีเจอร์สำคัญในรอบนี้คือ Teams ปรับระบบโทรศัพท์ให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยรวม dial pad, ประวัติการโทร, voicemail, ที่อยู่ติดต่อ และการตั้งค่าต่างๆ ไว้อยู่ที่เดียวกัน ทำให้การใช้งานระบบโทรศัพท์บน Teams ทำงานได้ผ่านแท็บเดียว พร้อมทั้งรองรับ CarPlay เพื่อให้ใช้โทรศัพท์ได้แม้ขณะขับรถ รวมถึงรองรับการสั่งการโทรศัพท์ผ่าน Siri ได้

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจในรอบนี้ เช่น

  • บันทึกการสนทนาใน OneDrive หรือ SharePoint เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่บันทึกได้เฉพาะ Stream เพื่อให้แชร์กับบุคคลภายนอกได้สะดวกยิ่งขึ้น
  • โหมดประหยัดข้อมูล สามารถกำหนดปริมาณข้อมูลที่จะใช้งานในระหว่างวิดีโอคอลแยกตาม Cellular หรือ Wi-Fi ได้ เริ่มเปิดให้ใช้ต้นปีหน้า
  • โอนสายระหว่างมือถือและเดสก์ท็อป เริ่มเปิดให้ใช้ต้นปีหน้า
  • รวมสายโทรศัพท์ รองรับทั้ง PSTN และ VoIP

Microsoft ระบุว่าผู้ใช้ Teams ใช้งานระบบโทรศัพท์กว่า 650 ล้านครั้งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สูงกว่าเดือนมีนาคมราว 11 เท่าเนื่องจากเทรนด์การทำงานระยะไกลผลักดันให้พนักงานต้องติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ โดย Teams ถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่เป็นที่นิยมใช้งานเป็นอย่างสูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว

ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563

Tesla เปิดตัวแบตเตอรีใหม่ ในงาน Battery Day มุ่งสร้างรถ EV ราคาไม่เกิน 8 แสน

22 กันยายนในงาน Battery Day ของ Tesla ได้เปิดตัวเซลล์แบตเตอรีใหม่ที่เรียกว่า 4680 ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นที่ 46 มม. x 80 มม. ให้ความจุพลังงานถึง 5 เท่า มีกำลังไฟ 6 เท่าและช่วยเพิ่มระยะการวิ่งได้ 16%

แบตเตอรีแบบเดิมจะมีแถบขั้วบวกและขั้วลบเพื่อนำประจุไฟฟ้าไหลออกมาข้างนอก แต่เซลล์แบตเตอรีแบบใหม่ 4680 tabless หรือไร้แถบ ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะใช้การเชื่อมถึงกันแบบ “foil-to-tab” โดยการม้วนรวมฟอยล์ภายในเซลล์และเชื่อมต่อกับฝาที่ด้านบน ซึ่งฟอยล์ที่เชื่อมกันเป็นเกลียวจะช่วยให้การผลิตทำได้ง่ายขึ้น และทางเดินของไฟฟ้าจะสั้นลงจึงช่วยลดปัญหาในเรื่องความร้อนได้เป็นอย่างดี

เซลล์แบตเตอรีแบบดั้งเดิมที่มีแถบขั้ว

เซลล์แบตเตอรีแบบใหม่ 4680 tabless (ไร้แถบ)

Musk เผยว่าจะสามารถลดต้นทุนต่อ kWh ในการสร้างเซลล์แบตเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ Tesla สามารถสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในราคา 25,000 USD (~776,000 บาท) ได้ภายใน 3 ปี แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีชื่อรุ่นและภาพแนวคิดของต้นแบบก็ตาม

ที่มา: Beartai

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563

React Native รองรับการสร้างแอพ macOS แล้ว ไมโครซอฟท์เป็นคนทำให้

เก็บตกข่าวความเคลื่อนไหวฝั่ง React Native นะครับ ตัวโครงการ React Native ที่พัฒนาโดย Facebook รองรับเพียงแค่ 2 แพลตฟอร์มมือถือคือ Android และ iOS

แต่เมื่อปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์อาสาเข้ามาทำ React Native for Windows โดยรองรับทั้งการสร้างแอพแบบ WPF และ UWP

และในงาน Build 2020 เมื่อเดือนพฤษภาคม ไมโครซอฟท์ก็ช็อควงการด้วยการประกาศทำ React Native for macOS เพิ่มให้ด้วย (อ่านไม่ผิดครับ เฟรมเวิร์คสำหรับเขียนแอพแมคที่พัฒนาโดยไมโครซอฟท์!) หลังจากทดสอบแบบพรีวิวมาหลายเดือน ไมโครซอฟท์ก็เปิดตัว React Native for macOS เวอร์ชัน 0.62 รุ่นเสถียร (ส่วนเวอร์ชันวินโดวส์ ตัวเลขเป็น 0.63 คือใหม่กว่าหนึ่งรุ่นย่อย และเท่ากับ React Native ของ iOS/Android)

ของใหม่ใน React Native for Windows 0.63 คือ LogBox ระบบจัดการล็อกแบบใหม่ของ React Native ที่เริ่มใช้เป็นดีฟอลต์, การรองรับธีมสีของ OS และการรองรับเอนจินจาวาสคริปต์ตัวใหม่ Hermes

ส่วน React Native for macOS ที่เวอร์ชันยังตามหลังเป็น 0.62 มีฟีเจอร์ใหม่คือ fast refresh แก้โค้ดแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงเลย แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเป็นรุ่นเสถียรตัวแรกของ React Native for macOS ทำให้สามารถเขียนแอพบนแมคด้วย React Native ได้อย่างจริงจัง

ที่มา: Blognone

Flutter รองรับการเขียนแอพบนวินโดวส์แล้ว อนาคตจะรองรับ Xbox ด้วย

Flutter เฟรมเวิร์คสำหรับเขียน UI ของกูเกิลที่ใช้ภาษา Dart เริ่มต้นจากมือถือ Android/iOS แต่เมื่อได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ประกาศรองรับแพลตฟอร์มมากขึ้น เริ่มจากเว็บแมคลินุกซ์ และล่าสุดมาถึงวินโดวส์แล้ว

ทีมงาน Flutter บอกว่าวินโดวส์เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์เกิน 1 พันล้านชิ้น และจากสถิติก็พบว่านักพัฒนา Flutter เกินครึ่งใช้วินโดวส์อยู่แล้ว การรองรับวินโดวส์จึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างมาก

แต่การขยายมายังแพลตฟอร์มใหม่ๆ ก็มีความซับซ้อน เพราะต้องปรับสถาปัตยกรรมของ Flutter ให้เข้ากับแพลตฟอร์มนั้นๆ เช่น กรณีของวินโดวส์ต้องใช้เอนจินกราฟิก Skia เรนเดอร์บน DirectX อีกทีให้มีประสิทธิภาพดี, แอพแต่ละตัวต้องมีโปรแกรมเป็น Win32/C++ ที่คอยโหลดโค้ด Flutter มาอีกที เป็นต้น


ตอนนี้ Flutter รองรับวินโดวส์ด้วยสถานะแบบอัลฟ่า (ต้องเปิดแชนเนล dev และ enable-windows-desktop) รองรับ Windows 7 ขึ้นไป แอพที่เขียนยังมีเฉพาะแบบ Win32 แต่ทีมงานก็ประกาศจะรองรับแอพแบบ UWP ด้วยในอนาคต เพื่อให้ใช้กับอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ใช้แกนของวินโดวส์ (เช่น Xbox หรือ Windows 10X) ได้ด้วย

เดโมการรัน Flutter บน Xbox

เดโมการรัน Flutter บนอีมูเลเตอร์ Windows 10X

ที่มา: Blognone