วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2564

ยิ่งคนใช้มาก ยิ่งมีมาก นักวิจัยพบมัลแวร์บน macOS เพิ่มขึ้นถึง 1,000%


นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก AV-TEST พบมัลแวร์ใหม่มากถึง 674,273 ตัวในปี 2020 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่พบมัลแวร์ 56,556 ตัว ซึ่งมัลแวร์ที่พบในปี 2020 นั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในปี 2012 จนถึงปี 2019 นั้น ทางนักวิจัยค้นพบมัลแวร์เพียง 219,257 ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่พบมัลแวร์บน macOS มากที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงแม้ว่ามัลแวร์บน macOS จะมีจำนวนที่มากขึ้นจนน่าตกใจก็ตาม แต่ถ้าหากเทียบกับมัลแวร์ของฝั่ง Windows แล้ว ตัวเลขของ macOS ก็ยังตาม Windows อยู่มากเลยล่ะครับ

AV-TEST กล่าวว่ามีการค้นพบมัลแวร์ของฝั่ง Windows มากถึง 91 ล้านตัวในปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเยอะกว่า macOS หลายเท่านัก และเป็นตัวเลขที่ทุบสถิติมัลแวร์ของฝั่ง Windows ด้วยเช่นเดียวกัน

อ้างอิงจากข้อมูลระบุว่านักพัฒนาหรือแฮกเกอร์สามารถเขียนโค้ดมัลแวร์ได้มากถึง 250,000 ตัวต่อวัน ในขณะที่ฝั่ง macOS นั้นเขียนเพียง 2,000 ตัวต่อวันเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่นักพัฒนาขี้เกียจเขียนโค้ดสำหรับฝั่ง macOS แต่เพราะ Windows ยังคงเป็นปฏิบัติการที่ถูกใช้งานมากที่สุดของโลกใบนี้ด้วยอัตราส่วน Windows ทั้งหมด 9 เครื่องต่อ Mac เพียง 1 เครื่องเท่านั้น ถือว่าห่างไกลกันพอสมควร

ที่มา: Beartai

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

เฟซบุ๊กรองรับการล็อกอินด้วยกุญแจ FIDO บนโทรศัพท์มือถือ

เฟซบุ๊กประกาศรองรับการล็อกอินขั้นตอนที่สองด้วยกุญแจ FIDO บนโทรศัพท์มือถือ จากเดิมที่ใช้งานบนเว็บมาตั้งแต่ปี 2017

เฟซบุ๊กรองรับการล็อกอินขั้นตอนที่สองต่อจากรหัสผ่านทั้งหมด 4 วิธี ได้แก่ แอปล็อกอิน (เช่น Google Authenticator, Microsoft Authenticator), กุญแจ FIDO หรือ Security Key, ข้อความ SMS, รหัสผ่านกู้คืนบัญชี เป็นรหัสตายตัวจดใส่กระดาษไว้ใช้งานภายหลัง แต่ที่ผ่านมาการล็อกอินบนโทรศัพท์มือถือนั้นไม่รองรับกุญแจ FIDO

การใช้กุญแจ FIDO บนโทรศัพท์มือถือมีหลายรูปแบบทั้งการเสียบ USB เหมือนเดสก์ทอป, แตะ NFC, และเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth โดยแอปเฟซบุ๊กรองรับทั้งหมดทั้งบน iOS และแอนดรอยด์

ที่มา: Blognone

PowerPoint โหมด Presenter Coach ใช้ AI ช่วยซ้อมพรีเซนต์ เพิ่มการจับภาษากาย แก้ไขคำที่ออกเสียงผิด

ไมโครซอฟท์ออกฟีเจอร์ใหม่ใน PowerPoint หรือ Presenter Coach ใช้ AI ช่วยให้คะแนนการซ้อมพรีเซนต์มาได้สักระยะแล้ว โดยเปิดใช้งานในเวอร์ชั่นเว็บ ล่าสุด ขยายการใช้งานไปยังแอปพลิเคชั่นทั้งบนเดสก์ทอป และมือถือแล้ว ทั้ง Mac, Windows, iOS, Android

Presenter Coach จะสามารถบอกเราได้ว่า เราพูดช้า หรือเร็ว หรือใช้คำซ้ำมากแค่ไหนในการนำเสนองาน พร้อมบอกคะแนนเสนองานให้เราตอนพูดจบด้วย โหมด Presenter Coach มีการอัพเดตใหม่ๆ เพิ่มเติมคือ ช่วยดูภาษากายของเราว่าเราสบตาผู้พูดมากขนาดไหน (ต้องเปิดกล้องตอนซ้อมเสนองาน)

เพิ่มฟังก์ชั่นเตือนให้เราแก้ไขให้ถูกหากออกเสียงผิด พร้อมกดฟังเพื่อฟังเสียงที่ถูกต้องได้ และมีแดชบอร์ดแสดงคำอื่นให้ หากเราใช้คำซ้ำเยอะเกินไป

ที่มา: Blognone

7-Zip ออกเวอร์ชันลินุกซ์เป็นครั้งแรก เพราะ 22 ปีที่ผ่านมามีแต่บนวินโดวส์

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า 7-Zip โปรแกรม Zip ยอดนิยมบนวินโดวส์ที่ออกครั้งแรกในปี 1999 ไม่เคยออกบนแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน (เคยมี p7zip เป็นโครงการพอร์ตลงลินุกซ์ แต่เลิกทำไปแล้ว)

ล่าสุด Igor Pavlov ผู้สร้าง 7-Zip ได้ออกเวอร์ชันลินุกซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 22 ปีของโปรแกรมนี้ ตอนนี้ยังมีเฉพาะเวอร์ชันคอนโซล (ไม่มี GUI) โดยมีไบนารีใช้งานได้หลากหลายสถาปัตยกรรม ทั้ง x86, x86-64, ARM64

บนลินุกซ์มีโปรแกรมบีบอัดข้อมูลอยู่หลายตัว แต่การมาถึงของ 7-Zip ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่ายินดีเช่นกัน

ที่มา: Blognone

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2564

ไม่มีนาย ไม่มีทาส GitLab เตรียมเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นเป็น main

GitLab ประกาศเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นจาก master เป็น main หลังจาก GitHub เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นไปเมื่อปีที่แล้ว

ชื่อ branch ของ Git นั้นเลียนแบบมาจาก BitKeeper ต้นกำเนิด Git ที่เคยใช้ดูแลซอร์สโค้ดลินุกซ์ (และทำให้ชุมชนทะเลาะกันเนื่องจาก BitKeeper ไม่ใช่โอเพนซอร์ส จนไลนัสรำคาญและเขียน Git มาใช้แทน) โดย BitKeeper เรียก branch หลักว่า master branch และเรียก branch อื่นๆ ว่า slave ตามแนวทางตั้งชื่อ master/slave ที่ใช้กันมานานในวงการคอมพิวเตอร์

GitLab เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็นสองขั้น เริ่มจาก GitLab 13.11 ที่จะออกเดือนเมษายนนี้ จะมี flag สำหรับเปลี่ยนชื่อ branch เริ่มต้นเป็น main หลังจากนั้นมีเวอร์ชั่น 14.0 ที่ออกเดือนพฤษภาคมนี้จะไม่มี flag อีกต่อไป แต่เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นในโครงการใหม่เป็น main ทั้งหมด

นอกจากการเปลี่ยนชื่อสำหรับโครงการสร้างใหม่แล้ว ตัวโครงการ GitLab เองก็จะเปลี่ยนชื่อ branch หลักไปด้วย ทำให้นักพัฒนาภายนอกที่ดึงโค้ด GitLab ไปใช้งานต้อง rebase ไปยัง main

ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564

Microsoft Teams เพิ่ม Presenter mode มองเห็นตัวคนพรีเซนต์งานบนสไลด์ PowerPoint

Microsoft Teams เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานชุดใหญ่สำหรับคนจัดประชุม เริ่มจาก Presenter mode ที่ผู้เข้าร่วมประชุมจะมองเห็นตัวคนพรีเซนต์ได้ระหว่างที่ดูสไลด์ไปด้วย (ให้ความรู้สึกเหมือนดูแคสต์เกม) ส่วนในมุมมองของผู้พรีเซนต์ก็สามารถมองเห็นตัวเองและคำบรรยายที่จะพูดไปด้วยพร้อมๆ กัน ฟังก์ชั่นนี้จะเริ่มเปิดตัวให้แก่กลุ่มลูกค้าในระยะถัดไป

Presenter mode มี 3 แบบ คือ Standout แสดงฟีดวิดีโอของตัวผู้พูดเป็นภาพเงาด้านหน้าเนื้อหาที่แชร์ตามภาพด้านล่าง กับโหมด Reporter ที่สไลด์จะอยู่เหนือไหล่ผู้พูด เหมือนเวลาดูรายการข่าว และโหมด Side-by-side แสดงเนื้อหาคู่กับตัวคนพูด

นอกจากนี้ยังมี PowerPoint Live ที่ให้ผู้จัดประชุม สามารถหยิบไฟล์ PowerPoint ได้จากเมนู Share content เลย โดยจะมองเห็นไฟล์ PowerPoint ต่างๆ ปรากฏอยู่ในเซกชั่น PowerPoint Live นี้ ผู้จัดประชุมกดเลือกไฟล์มาพรีเซนต์ได้ทันที

PowerPoint Live ยังให้ผู้จัดประชุมสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมกำลังจดจ่ออยู่กับสไลด์พรีเซนเทชั่น ผู้จัดประชุมสามารถกดดูได้ว่าสไลด์ถัดไปเกี่ยวกับเรื่องอะไร มองเห็นคำบรรยายที่จะพูดเกี่ยวกับสไลด์นั้นๆ และกดดูแชทระหว่างพรีเซนต์งานได้ เพื่อให้การพรีเซนต์ลื่นไหล

ในกรณีที่มีคนพรีเซนต์งานหลายคน ผู้จัดประชุมสามารถกดปุ่ม Take control ให้กลายเป็น Stop presenting ได้ เพื่อส่งต่อให้คนถัดไปเข้ามาเสนองานในสไลด์ที่คนๆ นั้นเตรียมมา ลดความกระอักกระอ่วนเวลาเปลี่ยนผู้นำเสนองาน

เพิ่มโหมด high-contrast ปรับสไลด์ให้ตัวอักษรเด่นชัด สำหรับผู้มีปัญหาในการมองเห็นได้ ฟังก์ชั่นนี้จะตามมาในเร็วๆ นี้


ที่มา: Blognone

ภาษา Go มาแรงในหมู่อาชญากรไซเบอร์ เหตุผลเพราะใช้เขียนมัลแวร์ง่าย ตรวจจับยาก

บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Intezer ออกรายงานว่า Go กลายเป็นภาษายอดนิยมของอาชญากรไซเบอร์ โดยมัลแวร์ที่เขียนด้วย Go เติบโตขึ้นถึง 2,000% ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

มัลแวร์ Go ตัวแรกถูกค้นพบในปี 2012 แต่ก็ใช้เวลาอีกนานกว่าความนิยมจะเพิ่มขึ้น จนมาพุ่งแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่า Go เป็นภาษาที่เขียนง่าย เขียนทีเดียวทำงานได้ข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้สร้างมัลแวร์เริ่มย้ายภาษาจาก C/C++ มาเป็น Go แทน

อีกปัจจัยที่มีผลไม่น้อยคือ นักวิจัยความปลอดภัยและแอนตี้ไวรัสในท้องตลาด ยังไม่คุ้นเคยกับแพทเทิร์นของไบนารี Go มากนัก ทำให้มัลแวร์ Go ตรวจจับได้ยากกว่า ตัวอย่างมัลแวร์ที่เขียนด้วย Go มีทั้งกลุ่มที่เขียนโดยกลุ่มอาชญากรที่ได้รับการหนุนจากรัฐ (เช่น รัสเซีย จีน), กลุ่มอาชญากรอิสระ และ ransomware

ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Huawei หันมาทำ AI ให้ฟาร์มหมูและเหมือง! หลังยอดขายสมาร์ตโฟนตกฮวบ

Huawei แบรนด์สมาร์ตโฟนดัง แห่งจีนแผ่นดินใหญ่ หันมาพัฒนา Artificial Intelligence (AI) สำหรับอุตสาหกรรมเพื่อการเลี้ยงหมู และทำเหมืองถ่านหิน หลังโดนมาตรการคว่ำบาตรไม่หยุดจาก สหรัฐฯ และยอดขายสมาร์ตโฟนที่ตกฮวบ จนมีข่าวลือถึงขนาดจ่อจะขายแบรนด์สมาร์ตโฟนซีรีส์ P และ Mate แต่ก็ปฏิเสธไป

แน่นอนว่า หัวเว่ย เองก็ไม่นิ่งเฉยต่อสภาวะที่เกิดขึ้น โดยเริ่มขยับตัวเพื่อแหล่งรายได้อื่นๆ ที่ไม่ใช่การขายอุปกรณ์สมาร์ตโฟนเพียงอย่างเดียว เช่น การให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing), พาหนะอัจฉริยะ (Smart Vehicles), และอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices)

ไม่เพียงแค่นี้ เนื่องจากจีนมีอุตสาหกรรมสำหรับการเลี้ยงหมูที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหมูกว่าครึ่งหนึ่งของโลก หัวเว่ยไม่รอช้าที่จะบุกอุตสาหกรรมนี้โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นจุดเด็น หลังจากการค้นคว้าอย่างหนักจนสามารถขึ้นไปเป็นบริษัทที่มียอดขายมากที่สุดในโลก

หัวเว่ย ใช้ระบบการจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ช่วยให้ผู้เลี้ยงหมูสามารถแบ่งแยก และจําแนกหน้าตาเพื่อติดตาม การกิน, น้ำหนัก, และการออกกำลังกาย ของหมูแต่ละตัวได้ นอกจากนี้ยังใช้ AI เพื่อไว้สำหรับการป้องกันและตรวจหาโรค

ล่าสุดโฆษกของ หัวเว่ย ยังออกมากล่าวกับ BBC News ว่า การใช้เทคโนโลยี ICT (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) สำหรับการเลี้ยงหมูเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า เราไม่ลืมที่จะผลักดันอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ยั่งยืนในยุค 5G

นอกจากนี้ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบันของหัวเว่ย ออกมาประกาศเปิดตัว ห้องปฏิบัติการนวัตกรรมการทำเหมืองในมณฑลชานซีทางตอนเหนือของจีน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

โดยมีเป้าหมายว่าต้องการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเหมืองถ่านหิน เพื่อการเปลี่ยนแปลงในการใช้แรงงานที่น้อยลง ความปลอดภัยที่มากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ถึงขนาดตั้งเป้าว่าต้องสามารถให้แรงงานเหล่านี้ใส่สูทผูกไทไปทำงานได้

"เราไม่มีวันหายไปไหน และเรายังคงอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งการขายสมาร์ตโฟนเพียงอย่างเดียว"

Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงในปัจจุบันของหัวเว่ย

ที่มา: Beartai

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

กูเกิลปล่อย TensorFlow 3D ปัญญาประดิษฐ์ตรวจจับวัตถุจากภาพสามมิติ

ทีม Google Research ปล่อยโครงการ TensorFlow 3D (TF 3D) โมเดลปัญญาประดิษฐ์สำหรับตรวจจับวัตถุสามมิติโดยเฉพาะ สำหรับใช้งานจากข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์สามมิติ ไม่ว่าจะเป็นโมดูล LIDAR หรือกล้องสามมิติก็ตาม

TF 3D มีโมเดลสำหรับแยกส่วนวัตถุจากข้อมูลสามมิติ (segmentation) และตรวจจับวัตถุ (object detection) การตรวจจับวัตถุจะได้เอาต์พุตเป็นกล่องสามมิติ สามารถบอกจุดศูนย์กลางและทิศทางที่วัตถุหันอยู่ได้

ตัวโครงการพัฒนาบน TensorFlow 2 รองรับชุดข้อมูล Waymo Open (สแกนถนน), ScanNet (ในอาคาร), และ Rio สำหรับการฝึก

ที่มา: Blognone

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

แฮกเกอร์เจาะ TeamViewer เข้าคอมพิวเตอร์โรงกรองน้ำในฟลอริด้า แล้วเพิ่มสัดส่วนสารเคมีอันตราย, ผู้ดูแลแก้ไขทัน

แฮกเกอร์เจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบกรองน้ำของโรงกรองน้ำ Oldsmar ในเมือง Pinellas County รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนพยายามเพิ่มสารโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือโซดาไฟในน้ำ แต่โชคดีที่ผู้ดูแลระบบเห็นทัน และเปลี่ยนค่ากลับเหมือนเดิมก่อนการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อคุณภาพน้ำประปา ที่เป็นแหล่งน้ำดื่มหลักของเมือง

Bob Gualtieri นายอำเภอ Pinellas County เล่าว่าผู้ดูแลระบบเห็นเคอร์เซอร์เม้าส์ของเขาเคลื่อนไหวไปเปลี่ยนระดับโซเดียมไฮดรอกไซด์ในน้ำประปา จาก 100 ต่อล้านส่วน (100 ppm) เป็น 11,100 ต่อล้านส่วน (11,100 ppm) ก่อนออกจากระบบไป เขาจึงล็อกระบบ และแก้ไขค่ากลับคืนทัน โชคดีที่การเปลี่ยนแปลงนี้ปกติต้องใช้เวลาหนึ่งวันถึงจะส่งผล

ก่อนหน้าที่แฮกเกอร์จะเปลี่ยนค่าในระบบครั้งนี้ Gualtieri ระบุว่าเห็นหน้าจอถูกควบคุมอยู่ก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่ได้ผิดสังเกตุ เนื่องจากในสำนักงานก็ใช้ TeamViewer เพื่อซัพพอร์ตปัญหาด้านไอทีอยู่เรื่อยๆ หรือแม้แต่หัวหน้าของเขาเองก็เข้ามาดูแลระบบจากระยะไกล

Gualtieri ยังยืนยันว่าถึงผู้ดูแลจะไม่เข้ามาเห็น ระบบก็ยังมีการป้องกันอื่นในการตรวจสอบคุณภาพและค่าความเป็นกรดของน้ำอยู่ ปัจจุบันทางการเมือง Pinellas County, FBI และหน่วย Secret Service ของสหรัฐ กำลังร่วมกันสืบหาผู้กระทำการครั้งนี้

ที่มา: Blognone