วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Google Trends ปรับโฉมใหม่ แสดงคำค้นยอดฮิตแยกตามหมวด

กูเกิลประกาศปรับปรุง Google Trends เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มของคำค้นหาเสียใหม่ โดยเพิ่มความสามารถดังนี้
  • Top Charts แยกคำค้นตามหมวดหมู่ เช่น นักกีฬา ภาพยนตร์ บุคคล เมือง (ลักษณะเดียวกับ Google Zeitgeist ที่ประกาศผลทุกปี แต่อันนี้แยกรายเดือน แถมดูย้อนหลังได้ถึงปี 2004) พร้อมแนวโน้มว่าคำไหนฮิตมากขึ้น-น้อยลง
  • Hot Searches เป็นการนำเสนอแนวโน้มของคำค้นที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนั้น โดยใช้เทคนิค visualization แบ่งตามสีเข้าช่วย ลองเล่นได้ที่ Google Trends Hot Searches
  • ปรับปรุงหน้าแรกของเว็บ Google Trends ใหม่ให้แสดงคำค้นยอดฮิตประจำวันนั้นด้วย
ที่มา: Blognone

IBM เปิดตัว Watson Engagement Advisor ในฐานะเครื่องตอบคำถามลูกค้า

IBM ขยายบริการของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Watson ในฐานะ "เครื่องตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ" ใช้ทดแทนมนุษย์ในระบบ CRM แบบพิมพ์โต้ตอบ

หลักการทำงานจะเหมือนกับ การนำ Watson ไปแข่งรายการเกมโชว์ Jeopardy! นั่นคือป้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ Watson เรียนรู้และทำความเข้าใจก่อน จากนั้นลูกค้าสามารถพิมพ์คำถามมายังระบบ Ask Watson และระบบจะคัดกรองข้อมูลที่เกี่ยวข้องตอบกลับไปยังลูกค้าได้อัตโนมัติ

IBM ระบุว่าตอนนี้มีลูกค้าเริ่มใช้ระบบนี้แล้วคือ ANZ, Celcom, IHS, Nielsen, Royal Bank of Canada และน่าจะขยายไปยังตลาดระบบ CRM ได้อีกมากในอนาคต

ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

VMware เปิดตัวแพลตฟอร์ม IaaS ในชื่อ vCloud Hybrid Service

VMware กระโจนลงมาร่วมสมรภูมิกลุ่มเมฆแบบ infrastructure-as-a-service (IaaS) ที่ Amazon Web Services กับ Azure กำลังต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง

บริการ IaaS ของ VMware ใช้ชื่อว่า vCloud Hybrid Service จุดเด่นของมันคือ การทำร่วมกับแพลตฟอร์มของ VMware ในฝั่งองค์กร ทั้ง vSphere (virtualization) และ vCloud (private cloud) ดังนั้น องค์กรที่มี virtual machine ในสายของ VMware อยู่แล้ว (ซึ่งมีอยู่เยอะมาก) สามารถย้าย VM ไปรันบนกลุ่มเมฆ vCloud Hybrid Service ได้ทันทีโดยไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย


vCloud Hybrid Service มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกสองแบบคือ Dedicated Cloud ยกเครื่องให้ใช้คนเดียวไม่ต้องยุ่งกับใคร และ Virtual Private Cloud เครื่องแบบแชร์ทางกายภาพ (แต่แยกด้วยซอฟต์แวร์) ที่ราคาย่อมเยาลงมา

ที่มา: Blognone

GIF ออกเสียงว่า "จิ๊บ" ไม่ใช่ "กิ๊บ"

GIF หรือ Graphics Interchange Format เป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ซึ่งชื่อไฟล์ GIF ก็ได้เป็นคำแห่งปี (word of the year) ในปี 2012 ผู้สร้างไฟล์ GIF นั้นคือ Steve Wilhite ได้รับรางวัล lifetime achievement award จาก The Webby Awards เมื่อวานนี้ (21 พฤษภาคม 2013)

ขณะที่สร้างไฟล์ GIF นั้น Wilhite ทำงานอยู่ที่ CompuServe (เป็น ISP ของสหรัฐฯ) โดยกำเนิดแล้ว ไฟล์ GIF นั้นสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ในบริษัทในการแสดงผลภาพ เช่น สีในแผนที่อุตุนิยมวิทยา โดยไฟล์ GIF ไฟล์แรกนั้น เป็นรูปเครื่องบินกระดาษที่เคลื่อนไหวได้ 10 กว่าปีให้หลังจากที่ Wilhite เกษียณจากการทำงาน เขาก็ยังได้รับคำชื่นชมในการสร้างไฟล์นี้อยู่ แต่เขาก็มีสิ่งหนึ่งที่ต้องอธิบายให้กระจ่างนั่นก็คือการออกเสียงของชื่อไฟล์ เขาจึงใช้เวทีของ The Webby Awards ในการบอกว่า "มันออกเสียงว่า จิ๊บ ไม่ใช่ กิ๊บ"

ที่มา: Blognone

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Apple เริ่มทดสอบจอโค้งสำหรับ iWatch

เป็นข่าวข้ามปีมาแล้วสำหรับนาฬิกาสุดไฮเทคอย่าง iWatch จากค่าย Apple ที่กระแสข่าวส่วนใหญ่บอกไปในทิศทางเดียวกันว่า อุปกรณ์สวมใส่นี้มีอยู่จริง และมีสิทธิ์เปิดตัวในปีนี้ด้วย

ตามรายงานของบล็อก Macotakara ในประเทศญี่ปุ่น ได้อ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ในไต้หวันว่า Apple ได้เริ่มทดสอบจอทัชสกรีนแบบ OLED ขนาด 1.5 นิ้วสำหรับ iWatch แล้ว พร้อมกับการร่วมทุนกับอีกบริษัทเพื่อจัดหาเทคโนโลยีเซนเซอร์ที่เหมาะสมที่สุดบนนาฬิกาข้อมือไฮเทค นอกจากนี้ยังมีรายงานต่อเนื่องด้วยว่าโรงงาน Foxconn ในประเทศจีนได้รับคำสั่งให้เริ่มกระบวนการผลิต iWatch ในจำนวน 1,000 ชิ้นแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นการทดสอบระยะเวลาของการผลิต ตลอดจนส่งไปยังนักพัฒนาและลูกค้าบางรายเพื่อทดสอบการใช้งานต่อไป

ก่อนหน้านี้ Apple ได้ทดสอบจอทัชสกรีน OLED ขนาด 1.8 นิ้วไปแล้ว แต่พบว่าขนาดของมันใหญ่เกินไป และอาจเป็นอุปสรรคต่อการสวมใส่ได้ ดังนั้นจึงลดขนาดจอแสดงผลลงมาที่ 1.5 นิ้ว เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้มูลค่าทางการตลาดของอุปกรณ์สวมใส่บนร่างกายกำลังมีอัตราที่สูงขึ้นต่อเนื่อง หลังการเปิดตัว Google Glass พร้อมกับข่าวลือของ Apple, Samsung, LG, Sony รวมถึง Microsoft ที่กระโดดเข้าร่วมผลิตอุปกรณ์ประเภทสวมใส่บนร่างกายอย่าง SmartWatch

ที่มา: ARiP

หนุ่มจีนอาศัย Google Maps ตามหาพ่อแม่หลังจากถูกลักพาตัวมานานกว่า 23 ปี

ชาวจีนคนหนึ่งนามว่า Luo Gang ได้กลับไปพบหน้าครอบครัวอีกครั้ง หลังจากถูกลักพาตัวมานานกว่า 23 ปี โดยเขาใช้ Google Maps เพื่อค้นหาสถานที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นบ้านเกิดของเขา โดยอาศัยเพียงข้อมูลแค่ว่าในบ้านเกิดของเขามีสะพานอยู่ 2 สะพานเท่านั้น


Luo Gang ซึ่งมีชื่อในตอนเด็กว่า Huang Jun ถูกลักพาตัวมาจากมณฑลเสฉวนเมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ และถูกรับเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 2,000 กิโลเมตร (อ้างอิง Google Maps) 

Luo ประกาศข้อความบนเว็บไซต์ที่อุทิศให้กับการตามหาครอบครัวของเด็กหายแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มีผู้ใช้ตอบกลับมาด้วยข้อมูลของครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขต Linshui เมือง Guang'an มณฑลเสฉวน เขาใช้ข้อมูลนี้ค้นหาสะพานทั้งสองที่อยู่ในความทรงจำใน Google Maps โดยอาศัยภาพถ่ายจากดาวเทียม และเขาก็ค้นพบบ้านของตัวเองในที่สุด

Luo ได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง และได้ทราบว่าเขามีน้องสาวอีกคนหนึ่ง

ในประเทศจีนมีการลักพาตัวเด็กผู้ชายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แค่ปีที่แล้วก็มีกว่า 76,000 ครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชายไป สำหรับพ่อแม่บุญธรรมของเขานั้นอาจจะถูกดำเนินคดีอาญาอีกด้วย

ที่มา: Blognone

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สภาคองเกรสสอบถาม Larry Page ถึงการพิทักษ์ข้อมูลส่วนบุคคลของ Google Glass


สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาหลายรายได้ร่วมกันลงนามส่งจดหมายถึง Larry Page ซีอีโอของ Google โดยเน้นประเด็นเกี่ยวกับการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Google Glass พร้อมทั้งขอให้ตอบจดหมายกลับภายในวันที่ 14 มิถุนายนนี้

จดหมายฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาแสดงถึงความกังวลว่าจะมีผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Google เพื่อการเก็บรวมรวมข้อมูลอย่างไม่เหมาะสม และนั่นหมายถึงการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอเมริกัน


แว่นตา Google Glass ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีกล้องถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งติดมาในตัว และพร้อมทำงานเมื่อได้รับคำสั่งเสียง ได้ถูกจำหน่ายและนำส่งแก่ผู้ซื้อซึ่งเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์แล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ root เครื่องได้สำเร็จ นั่นย่อมแสดงถึงความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ดัดแปลงอุปกรณ์ให้บันทึกภาพและเสียง ได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องพึ่งคำสั่งเสียง และนั่นหมายถึงการเก็บบันทึกภาพและเสียงดังกล่าวจะทำได้โดยไม่เป็นจุดสังเกต ของผู้คนโดยรอบนั่นเอง

ประเด็นคำถามในจดหมาย มีการถามอย่างตรงไปตรงมาว่า Google Glass จะมีระบบรู้จำใบหน้าที่จะนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลจำเพาะของบุคคลหรือวัตถุ สิ่งของอื่นใดที่เกี่ยวข้องกันหรือไม่, มีการเก็บข้อมูลโดยลัดขั้นตอนการขออนุญาตหรือไม่ และ Google มีมาตรการป้องกันปัญหาในลักษณะนี้อย่างไร

พร้อมกันนี้ในจดหมายได้ยกกรณีที่ Google ถูกตัดสินว่าละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ในระหว่างการเก็บข้อมูลเพื่อทำแผนที่ street view ซึ่งลงเอยโดยการที่ Google ต้องจ่ายเงินชดใช้จำนวน 7 ล้านดอลลาร์ มากล่าวเทียบเคียงเอาไว้ด้วย

นอกเหนือจากความห่วงใยในการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้คนโดยรอบผู้ใช้ Google Glass แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสยังมีคำถามที่เกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนที่เป็นของผู้ใช้ Google Glass เองด้วย กล่าวคือ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้จำนวนมากซึ่งย่อมต้องถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำบนแว่นนั้น จะได้รับการปกป้องอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อแว่นดังกล่าวตกอยู่ในมือของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของเดิม

ประเด็นเรื่องความสุ่มเสี่ยงของการใช้งาน Google Glass กับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น ส่อเค้ายุ่งมาตั้งแต่ต้น ดังจะเห็นได้จากข่าวร้านอาหารใน Seattle ประกาศห้ามนำแว่นดังกล่าวเข้าร้าน หรือกรณีกลุ่มนักกฎหมายใน West Virginia เสนอกฏห้ามใช้ Google Glass ขณะขับรถ ซึ่งก็น่าอิจฉาอเมริกันชนที่เหล่าผู้แทนของพวกเขาได้ออกมาแสดงจุดยืนถึงความห่วงใย ในสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และรีบออกมาทำหน้าที่ป้องกันปัญหาเพื่อล้อมคอกตั้งแต่วัวยังไม่ทันหาย

ที่มา: Blognone

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ซัมซุงถือส่วนแบ่งกำไรมือถือ Android ที่ 95% แต่แอปเปิลทำกำไรได้มากกว่า Android ทั้งหมด

จากผลการประเมินกำไรของฮาร์ดแวร์ Android ทั้งหมดในไตรมาสแรกของปีนี้ (ตามเวลาปฏิทินปรกติ) โดย Strategy Analytics พบว่าซัมซุง มีส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 94.7% เป็นมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนบริษัทที่มีส่วนแบ่งกำไรอันดับสองอยู่ที่ LG มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 2.5% เป็นมูลค่า 119 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในส่วนของ HTC, Sony, ZTE และผู้ผลิตรายอื่นๆ ทำกำไรได้น้อยมาก เลยถูกรวมอยู่ในกลุ่ม "ผู้ผลิตอื่น ๆ" ที่มีส่วนแบ่งรวมกันทั้งหมดต่ำกว่า 2.7%

หากใครต้องการข้อมูลเปรียบเทียบ แอปเปิลทำกำไรได้ 7.1 พันล้านดอลลาร์ นับเป็น 57% ของกำไรอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั้งหมด ส่วนซัมซุงอยู่ที่ 40.8%

เพื่อให้สะดวกต่อการเปรียบเทียบ นี่คือส่วนแบ่งกำไรตลาดมือถือ 2 ปีก่อนครับ

ที่มา: Blognone

Gliffy ออกรุ่น Packaged สำหรับ Chrome ใช้ HTML5

นับแต่ Chrome รองรับ Packaged Apps ก็เริ่มมีแอพพลิเคชั่นรองรับกันมาเรื่อยๆ ตัวก่อนหน้านี้คงเป็น Google Keep และตอนนี้แอพพลิเคชั่นจากภายนอกคือ Gliffy ก็ทดลองใช้งาน Packaged Apps แล้ว

ในรุ่นนี้ Gliffy จะสามารถทำงานออฟไลน์ได้สมบูรณ์โดยไม่ต้องล็อกอินใดๆ (แต่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้งาน) เท่าที่ผมลองใช้งานพบว่าภาษาไทยใช้งานได้ดีแต่ยังคงมีบั๊กตัดคำเฉพาะเวลาที่ เซฟเป็นภาพ PNG


ที่มา: Blognone

PayPal ออกโปรโมชั่นให้ร้านค้าเปลี่ยนเครื่องคิดเงินแบบเก่าเป็นระบบ PayPal Here

วันเดียวกับที่ Square เปิดตัว Square Stand ทางค่าย PayPal ในฐานะเจ้าพ่อด้านการจ่ายเงินออนไลน์ ก็เปิดตัวโครงการชื่อ Cash for Registers ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายร้านค้ารายย่อยเหมือนกัน


โครงการของ PayPal จะเปลี่ยนเครื่องคิดเงินรุ่นเก่าที่ร้านค้ามีอยู่แล้ว เป็นเครื่องคิดเงินรุ่นใหม่ที่ใช้จอสัมผัส และรวมซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม PayPal Here รองรับการจ่ายบัตรเครดิต เดบิต เช็ค และระบบจ่ายเงินออนไลน์ของ PayPal ได้ทั้งหมด

ร้านค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ฮาร์ดแวร์เป็น iPad/Android แล้วลงแอพ PayPal Here หรือจะซื้อฮาร์ดแวร์สำเร็จรูปจากผู้ผลิตอย่าง ERPLY, Leaf, Leapset, NCR Silver, ShopKeep, Vend ที่พัฒนาฮาร์ดแวร์ร่วมกับ PayPal ก็ได้ (ดูตัวอย่างเครื่องจากภาพประกอบท้ายข่าว)

ในช่วงโปรโมชั่นที่กระตุ้นให้คนเปลี่ยนมาใช้ระบบของ PayPal ร้านค้าจะได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมของ PayPal ไปจนถึงสิ้นปีนี้

ที่มา: Blognone